‘เวียนนา’แชมป์คุณภาพชีวิตที่ดีโลก-กรุงเทพติดที่ 133

บริษัทที่ปรึกษาเมอร์เซอร์ สำรวจคุณภาพชีวิตศตวรรษที่ 21 พบว่า กรุงเวียนนาของออสเตรียครองแชมป์เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน อันดับ 2 เมืองซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ครองตำแหน่งร่วมกับโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ตามด้วยมิวนิคของเยอรมนี และแวนคูเวอร์ของแคนาดา ที่เป็นแชมป์ของอเมริกาเหนือติดต่อกัน 10 ปี

อีก 5 เมืองในกลุ่มท็อปเท็นล้วนอยู่ในยุโรปตะวันตก ได้แก่ เมืองดึสเซลดอร์ฟและแฟรงค์เฟิร์ตของเยอรมนี กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก เจนีวาและบาเซิลของสวิตเซอร์แลนด์

การสำรวจครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าเมืองทั่วโลกมีบรรยากาศเอื้อต่อการทำธุรกิจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณภาพชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญดึงการลงทุน และชักชวนคนเก่งเข้าไปอยู่อาศัย

สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สิงคโปร์ครองอันดับดีสุดที่ 25 ตามด้วยกรุงโตเกียวและโกเบของญี่ปุ่น อันดับ 49 ร่วม โยโกฮามา 55 โอซากา 58 นาโกยา 62 ฮ่องกง 71 กรุงโซลของเกาหลีใต้ 77 ขยับขึ้นมา 2 อันดับ เนื่องจากการเมืองกลับมามีเสถียรภาพหลังจากจับประธานาธิบดีเมื่อปีก่อน

เมืองอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ครองอันดับ 85 กรุงเทพ 133 กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ 137 กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย 142

ส่วนกรุงแบกแดดของอิรักแม้จะมีคุณภาพชีวิตต่ำสุด แต่ก็พัฒนาขึ้นมากทั้งในแง่ความปลอดภัยและบริการสาธารณสุข ขณะที่กรุงการากัสของเวเนซุเอลา มาตรฐานการดำรงชีวิตร่วงลงหลังจากการเมืองผันผวนหนัก เศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ

ปีนี้  เมอร์เซอร์ยังจัดอันดับเมืองปลอดภัยด้วย เพราะความปลอดภัยส่วนบุคคลเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความมั่นคงของเมือง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ธุรกิจและคนเก่งก็เติบโตไม่ได้

รายงานชุดนี้  พิจารณาจากเสถียรภาพในเมือง ระดับอาชญากรรม การบังคับใช้กฎหมาย การจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคล ความสัมพันธ์กับประเทศอื่น และเสรีภาพสื่อ พบว่า ลักเซมเบิร์กเป็นเมืองปลอดภัยที่สุดในโลก กรุงดามัสกัสของซีเรียปลอดภัยน้อยที่สุดกรุงพนมเปญของกัมพูชาที่ครองอันดับ 199 ปลอดภัยน้อยที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

นายอิลยา บอนิก หุ้นส่วนอาวุโสและประธานฝ่ายอาชีพของเมอร์เซอร์ กล่าวว่า การที่บริษัทข้ามชาติจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ต้องอาศัยบุคลากรในบริษัท การขยายสาขาไปต่างประเทศจึงต้องอยู่ในเมืองที่ดี