‘ฮาร์เลย์’ เบนเข็มกระตุ้นตลาดอาเซียน

นายแมตต์ เลวาทิตช์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทฮาร์เลย์ เดวิดสันของสหรัฐ แถลงผลประกอบการเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า บริษัทมียอดขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น 77% ในไตรมาสเดือน เม.ย.-มิ.ย. ที่ผ่านมา

“การดำเนินงานในไทยซึ่งเน้นตอบสนองตลาดเอเชียแห่งสำคัญเป็นหลัก ช่วยให้จักรยานยนต์ของเราไม่ต้องถูกสหภาพยุโรป (อียู)เก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นและทำให้ราคาผลิตภัณฑ์เข้าถึงง่ายขึ้น” นายเลวาทิตช์ระบุ

การเติบโตของยอดขายในตลาดอาเซียนมีขึ้นในช่วงที่ฮาร์เลย์ เดวิดสันกำลังหาทางเลือกใหม่นอกเหนือจากตลาดพัฒนาแล้วที่มีความยากลำบากมากกว่าอย่างสหรัฐและยุโรป

ฮาร์เลย์ รายงานว่า รายได้จากเซกเมนท์จักรยานยนต์ลดลง 6% มาอยู่ที่ 1,430 ล้านดอลลาร์จากยอดขายที่ลดลง 5.3% ขณะที่รายได้รวมของบริษัทลดลง 4.7% มาอยู่ที่ 1,630 ล้านดอลลาร์ และรายได้สุทธิหดตัวลง 19.3% มาอยู่ที่ 195.6 ล้านดอลลาร์

ผู้ผลิตจักรยานยนต์ชื่อดังได้ย้ายการผลิตบางส่วนจากสหรัฐมาประเทศไทย เพื่อเลี่ยงต้นทุนภาษีนำเข้าสูงขึ้นสำหรับจักรยานยนต์ที่ส่งออกไปอียู

เมื่อปีที่แล้ว อียูปรับขึ้นภาษีนำเข้าจักรยานยนต์ที่ผลิตในอเมริกาเป็น 31% จาก 6% เพื่อตอบโต้การตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของรัฐบาลวอชิงตันนอกจากนั้น อียูยังเตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้าจักรยานยนต์เพิ่มอีกเป็น 56% ภายในปี 2564

“ทีมงานของเราทำงานอย่างหนักเพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่มีต่อธุรกิจของเราท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูง” นายเลวาทิตช์กล่าว

ฮาร์เลย์ เดวิดสันยื่นขอผ่อนปรนมาตรการภาษีกับอียูเมื่อปีที่แล้ว และได้รับการอนุมัติในช่วงไตรมาส 2 ให้สามารถส่งจักรยานยนต์บางส่วนจากไทยได้ ทั้งนี้ จักรยานยนต์ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในยุโรปจะยังถูกเก็บภาษีในอัตรา 6% เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม การไฟเขียวของอียูเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้ การผลิตจักรยานยนต์ในไทย สำหรับรุ่น “ซอฟท์เทล” และ “สปอร์ตสเตอร์” ซึ่งเป็นที่นิยมในยุโรป จึงจะเริ่มต้นได้ในปลายเดือน ต.ค. นี้

ฮาร์เลย์ เดวิดสัน เผยว่า ยอดขายปลีกจักรยานยนต์ในสหรัฐลดลง 8% ในแง่ของจำนวน ขณะที่ยอดขายปลีกในต่างประเทศร่วงลง 8.9% ส่วนอาเซียนแม้ว่าจะเป็นตลาดขนาดเล็กกว่าสำหรับฮาร์เลย์ แต่เป็นภูมิภาคเดียวที่มีการเติบโตท่ามกลางความซบเซาในยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา และออสเตรเลีย