ไหมไทยเชื่อมเสน่ห์ปากีสถาน

“ปากีสถาน” อาจเป็นประเทศอนุรักษนิยมในสายตาของคนที่ไม่คุ้นเคย แต่แท้จริงแล้วประเทศรุ่มรวยวัฒนธรรมแห่งนี้มีเสน่ห์อย่างเหลือล้น โดยเฉพาะในแวดวงแฟชั่นดีไซน์ โมฮัมหมัด เมห์ดี เจ้าของแบรนด์ “House of Mehdi” นำความงามแบบปากีสถานผสมผสานไหมไทย อวดสายตาผู้ชมในงานมหกรรมผ้าไหม 2562 “ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 9” ด้วยคอลเลคชัน “Reincarnation” (การเกิดใหม่) ที่ชวนติดตรึงใจ

“รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับที่ได้มากรุงเทพฯ อเมซซิ่งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเอางานมาโชว์ที่กรุงเทพฯ ในคอลเลคชัน Reincarnation หมายถึงการปลุกพลังความเป็นมนุษย์และมนุษยธรรม ด้วยเหตุนี้ผมจึงพยายามมิกซ์เนื้อผ้าต่างชนิดเข้ากับผ้าไหมไทย”

ดีไซเนอร์ชื่อดังของปากีสถานแนะนำผลงานและแรงบันดาลใจ เขายอมรับว่า ผ้าไหมไทยนั้นมีเนื้อผ้าสวยงามมาก

“ตอนได้รับผ้า ผมเห็นสีของเส้นสายที่ถักทอ ทุกอย่างงดงาม ผมจึงอยากผสมผสานผ้าไหมไทยเข้ากับวัฒนธรรมปากีสถานผ่านงานคอลเลคชันต่างๆ ของผม งานที่โชว์วันนี้เป็นเสื้อผ้าโอ กูตูร์ (Haute Couture) สื่อถึงสายใยแห่งมิตรภาพและความรักระหว่างสองประเทศ ซึ่งก็หวังว่าผู้ชมจะชอบ”

หากถามถึงสไตล์อันเป็นซิกเนเจอร์ที่เมห์ดีแตกต่างจากดีไซเนอร์คนอื่น เจ้าตัวตอบว่า ดีไซเนอร์ทุกคนล้วนมีการตัดเย็บหรือสไตล์แตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ซิกเนเจอร์ของแบรนด์ “House of Mehdi” แน่นอนว่า อยู่ที่งานปักและลงดีเทลเพิ่มความงดงาม

“ด้วยความแตกต่างเหล่านี้ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องการศึกษา ด้วยเหตุนี้ผมจึงเรียนมาด้านดีไซน์โดยเฉพาะ แต่ก็ได้ความรู้มากมายจากตลาดด้วย ได้รู้ว่าทักษะการตัดเย็บของช่างฝีมือสำคัญมากในยุคของแฟชั่น ซิกเนเจอร์ของผมหลักๆ ก็คือการปักด้วยมือที่ช่วยเสริมความงามของเนื้อผ้า”

สำหรับประสบการณ์การใช้ไหมไทยนั้น เมห์ดีเล่าว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับตัวอย่างผ้าไหมไทยมาบ้างเพื่อนำมาใช้ในคอลเลคชัน แต่รอบนี้มีโอกาสใช้ไหมไทยได้อย่างอิสระสำหรับงานนี้ ได้รับแคตตาล็อกผ้าไหมไทย 2 เล่มเพื่อเลือกผ้ามาทำงาน

“ตอนได้รับผ้าผมมีความสุขมากเมื่อได้เห็นสี เนื้อผ้า ความผสมกลมกลืน สำหรับผมคิดว่าไหมไทยเป็นผ้าเหมาะสำหรับงานโอ กูตูร์ ที่หมายถึงความอลังการ หรูหรา สง่างาม ผมคิดว่าไหมไทยยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับงานประเภทนี้ และนำมาใช้กับเสื้อผ้าพร้อมใส่และชุดราตรีได้ด้วย”

ส่วนความแตกต่างระหว่างผ้าไหมไทยกับปากีสถาน เมห์ดีกล่าวว่า ไหมไทยมีสีสันมากกว่า การผสมผสานสีกลมกลืน คุณภาพเนื้อผ้าดีมาก ส่วนปากีสถานการพัฒนาและใช้ประโยชน์ผ้าไหม แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ หรือพูดอีกอย่างผ้าไหมไทยเหมือนเนื้อผ้าจะแข็งในตอนแรกๆ ต้องนำไปแช่ก่อน แต่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ผ้าไหมไทยและปากีสถานมีเนื้อผ้าแตกต่างกันแต่เมื่อเขานำมาใช้ในคอลเลคชันก็ใช้ได้สวยงามทั้งสองแบบ

หนทางของดีไซเนอร์ในปากีสถาน

จากผลงานสู่เส้นทางอาชีพ หลายคนคงสงสัยว่าการเป็นดีไซเนอร์ในปากีสถานนั้นยากง่ายเพียงใด เจ้าตัวตอบว่า ตอนที่เขาเริ่มเรียนแฟชั่นดีไซน์ ปากีสถานยังไม่มีอาชีพนี้ เขาเริ่มต้นด้วยแรงบันดาลใจที่ว่าต้องเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ให้ได้ เมื่อโรงเรียนจากฝรั่งเศสมาเปิดสอนก็เข้าไปเรียน การมีดีกรีด้านนี้โดยตรง ทำให้แบรนด์เมห์ดีเป็นเสาหลักแรกของวงการแฟชั่นดีไซน์ปากีสถาน ถึงตอนนี้การเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ในปากีสถานไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มีสถาบันเปิดสอนมากมาย และผู้คนก็คลั่งไคล้แฟชั่น มีมากมายหลายแบรนด์ให้เลือก

“ผู้หญิงงดงามเมื่อเลือกสวมใส่เสื้อผ้าสวยๆ พวกเธอดูน่าอัศจรรย์และสรรค์สร้างความงามด้วยตัวของพวกเธอเอง ผมเชื่อเช่นนั้นครับ และไม่ผิดเลยหากจะบอกว่า คนปากีสถานเป็นแฟชั่นนิสต้า คุณต้องนึกภาพไม่ออกว่า หญิงชายมากมายหลงใหลแฟชั่น เสื้อผ้า สไตล์ ช่วงไม่กี่ปีต่อจากนี้ปากีสถานจะโตเร็วมากในแง่ของอุตสาหกรรมแฟชั่น”

คนที่เคยไปเที่ยวมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปากีสถานเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อและสาวสวยเมื่อเป็นเช่นนี้การทำงานของดีไซเนอร์คงไม่ยาก ซึ่งเมห์ดีก็ยอมรับในข้อนี้ แต่ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลต่อการทำงานคือ ปากีสถานมีวัฒนธรรมงดงามหลากหลาย และผู้คนไม่ว่าจะหญิง ชาย หรือผู้มาเยือนทั้งที่ลาฮอร์ อิสลามาบัด การาจี ล้วนแล้วแต่ชอบแฟชั่น

นอกจากนี้เดือนก่อน เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท หรือดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เสด็จเยือนปากีสถาน โดยเฉพาะดัชเชสทรงฉลองพระองค์สไตล์ท้องถิ่น เมห์ดีมองว่านี่คือโอกาสในการส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นของปากีสถาน เปิดช่องให้แฟชั่นของที่นี่ก้าวไกลสู่โลกภายนอกมากขึ้น

ในแง่การส่งเสริมจากรัฐบาลนั้น ดีไซเนอร์รายนี้กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนมาก เดิมทีอุตสาหกรรมแฟชั่นมีขนาดเล็ก แต่ตอนนี้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมใหญ่สุดของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่น เสื้อผ้า สิ่งทอ ช่างฝีมือ ทุกอย่างสวยงามและสะท้อนความเป็นแฟชั่นอย่างแท้จริง

“ปากีสถานรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและงดงาม เมื่อก่อนไม่ค่อยมีใครคิดว่าปากีสถานเป็นแบบนี้ แต่ปัจจุบัน ผมในฐานะดีไซเนอร์ได้นำเสื้อผ้าออกไปจัดแสดงทั่วโลก ผมเป็นตัวแทนสะท้อนความเป็นปากีสถานสู่สายตาชาวโลก และได้รับเสียงตอบรับที่ดี ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับผม ตอนนี้ปากีสถานส่งเสริมให้คนใหม่ๆ เข้ามาสู่วงการแฟชั่น และผมก็อยากให้โลกทั้งโลกเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมแฟชั่น”

ความแตกต่างอันงดงาม

นานๆ จะมีดีไซเนอร์ปากีสถานมาจัดแสดงงานในเมืองไทยสักที งานนี้เมห์ดีมองความแตกต่างระหว่างสไตล์ของสองประเทศอย่างไร

“ความแตกต่างคงมีที่มาจากอากาศด้วย อย่างเช่นที่ปากีสถานตอนนี้อากาศหนาว พอผมมาถึงกรุงเทพฯ ที่นี่ยังร้อน วัฒนธรรมและข้อจำกัดก็ทำให้เสื้อผ้าแตกต่าง ปากีสถานเน้นทรงตรง แต่ในไทยผู้คนเปิดรับความคิดใหม่ๆ มากกว่า อยากใส่อะไรก็ใส่ และมีความเป็นอินเตอร์”

ส่วนสิ่งที่ดีไซเนอร์ดังชอบที่สุดในสไตล์ของคนไทยคือ การใช้ผ้าไทย “การนุ่งห่มจับจีบผ้า ช่างกล้าหาญ เป็นอิสระ ไร้กังวล ผมชอบผู้หญิงที่เป็นอิสระ ไม่กลัวอะไร ดีไซเนอร์ไทยบอกเล่าเรื่องราวพวกนี้ออกมาได้ดี ทำให้ผู้หญิงเป็นผู้หญิง ผมชอบสิ่งนี้มากที่สุด” เมห์ดีกล่าวทิ้งท้ายถึงความประทับใจ

ด้านอะศิม อิฟติคัร อะห์มัด เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ประจำประเทศไทย กล่าวว่าทั้งไทยและปากีสถานต่างมีคนรักแฟชั่นมากมาย ที่ปากีสถานมีงานโชว์เสื้อผ้าและแคทวอล์คมากเหมือนในเมืองไทย “แต่เราต่างไม่รู้จักดีไซเนอร์ของกันและกันมากนัก สถานทูตปากีสถานจึงนำดีไซเนอร์มาร่วมงานไหมไทยสู่เส้นทางโลก และจะร่วมมือกันต่อไป เพื่อเพิ่มการรับรู้เรื่องเทรนด์แฟชั่นและศักยภาพในด้านนี้ของปากีสถาน”