สรุปว่ามั่ว! ข่าวฟินแลนด์ลดวันทำงานเหลือ 4 วัน ไม่ใช่เรื่องจริง

หลังจากเป็นข่าวสะพัดกันไปทั่วโลกว่า นายกรัฐมนตรีคนสวย “ซานนา มาริน” ของฟินแลนด์ ประกาศนโยบาย “ลดเวลาการทำงาน” ให้เหลือ 4 วัน จนมนุษย์เงินเดือนชาวไทยร้องเสียงดังว่า อย่างได้บ้าง และแชร์กันว่อนในโลกออนไลน์นั้น

ล่าสุด รัฐบาลฟินแลนด์ได้ออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ แอคเคาท์ @FinGovernment  เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ที่ลือกันไปนั้น “ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด” 

  

  

เรื่องของเรื่อง ก็คือ นายกฯ​มาริน วัย 34 ปีผู้นี้ เคยเปรยๆ ถึงไอเดียการลดวันทำงานจริง แต่นั่นก็เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2019 ก่อนหน้าที่เธอจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงปลายเดือนธันวาคม

ในตอนนั้น มาริน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขึ้นเวทีบรรยายในวาระครบรอบ 120 ปีของพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งฟินแลนด์ (เอสดีพี) ซึ่งวาระของการประชุมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพยายามเพิ่มคะแนนนิยม สร้างฐานเสียงคนรุ่นใหม่ให้กับพรรค โดยหนึ่งในประเด็นที่นำมาถกกันก็คือ เรื่อง “ชั่วโมงการทำงาน”

โดย มาริน เสนอความเห็นว่า ทำไมไม่ลองกำหนดเป้าหมายใหม่ให้เหลือวันทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ วันละ 6 ชั่วโมงดู พร้อมตั้งคำถามว่า.. การทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเป็นคำตอบสุดท้ายแล้วจริงๆ หรือ?

“ฉันคิดว่า ประชาชนสมควรที่จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว ทำงานอดิเรก และใช้ชีวิตมากกว่านี้” เธอกล่าวในตอนนั้น

และนั่นก็ยังเป็นเพียงแค่ "ไอเดีย" ที่ไม่ได้นำเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐบาลฟินแลนด์แต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ซานนา มาริน ถือเป็นนักการเมืองหญิงจากพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งฟินแลนด์ (เอสดีพี) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้ 

นอกจากความสวยแล้ว มาริน ยังถือเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของฟินแลนด์ และเป็นแกนนำรัฐบาลผสมสายกลางซ้ายของฟินแลนด์ที่ประกอบไปด้วย 5 พรรคการเมือง ที่ล้วนมีหัวหน้าพรรคเป็นผู้หญิงทั้งหมด และ 4 ใน 5 คนเป็นนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่อายุไม่ถึง 35 ปีด้วย

การขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำฟินแลนด์ ทำให้มาริน สร้างสถิติเป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดในโลกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ในตอนขึ้นรับตำแหน่ง) ก่อนจะถูก เซบาสเตียน เคิร์ซ หัวหน้าพรรคประชาชนออสเตรีย (โอวีพี) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ที่กลับเข้ามารับตำแหน่งด้วยวัย 33 ย่าง 34 ปีในปีนี้ 

ทั้งนี้ มาริน ได้กล่าวหลังจากได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องอายุหรือเรื่องเพศของฉัน ฉันคิดถึงแต่เหตุผลในการเข้าสู่เวทีการเมือง และความไว้วางใจจากประชาชนทุกคนที่มอบให้ เรามีงานที่ต้องทำอีกมากมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน”

พรรคเอสดีพี ครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากเอาชนะพรรคฟินน์ พรรคการเมืองฝ่ายขวาต่อต้านผู้อพยพ ในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน เม.ย.ได้ ซึ่งนักวิจารณ์บางคนมองว่าชัยชนะที่ได้มา เป็นชัยชนะของแนวคิดเสรีนิยมและอุดมการณ์สังคมที่เท่าเทียมในฟินแลนด์ ต่อพรรคการเมืองที่ต่อต้านผู้ลี้ภัยและต้องการจำกัดผู้ลี้ภัยเข้าประเทศให้เหลือเกือบเป็นศูนย์ และพรรคที่ต่อต้านมาตรการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ