‘เบอร์นันเก้’เชื่อมั่นศก.สหรัฐฟื้นตัวแม้ถดถอยจากพิษโควิด-19
นายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาว โดยระบุว่า เศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง แต่ก็จะฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา
“มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอยอย่างรุนแรงในไตรมาสต่อไป แต่จะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ เพราะมีการชัตดาวน์จากผลกระทบของโรคโควิด-19 แต่ถ้าหากตลาดแรงงานไม่ได้รับผลกระทบมากเกินไป เราก็จะเห็นการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายเบอร์นันเก้ กล่าว
นายเบอร์นันเก้ ยังระบุว่า สถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างจากช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน และเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในอดีต ซึ่งมีปัญหาจากมนุษย์ ระบบการเงิน และระบบธนาคาร แต่ปัญหาในครั้งนี้เกิดจากไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่
นายเบอร์นันเก้ ย้ำถึงความสำคัญในการทำให้โรคโควิด-19 อยู่ภายใต้การควบคุม เพื่อให้นโยบายของเฟดสามารถดำเนินไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดในชุดปัจจุบัน ดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐรับมือล่วงหน้ากับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทันทีที่การระบาดของโรคนี้คลี่คลายลง
“ผมคิดว่าเฟดได้ดำเนินการในเชิงรุกเป็นอย่างมาก โดยคุณเจอโรม พาวเวลและทีมงานได้ทำงานอย่างหนัก และอยู่ล่วงหน้าวิกฤตการณ์ และเฟดแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถออกมาตรการที่จะช่วยให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้ในช่วงที่มีการชัตดาวน์ และเมื่อสถานการณ์สงบแล้ว เศรษฐกิจจะสามารถดีดตัวขึ้นมากกว่าที่เราคาดไว้” นายเบอร์นันเก้ กล่าว
นายเบอร์นันเก้ยังสนับสนุนการที่เฟดออกมาตรการครั้งใหญ่เพื่อสกัดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเพื่อให้ตลาดมีการปรับตัวอย่างราบรื่น
ทั้งนี้ ในการดำเนินการล่าสุด เฟดได้ประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในวงเงินไม่จำกัด โดยเฟดจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีตราสารจำนองเชิงพาณิชย์ค้ำประกัน ซึ่งจะบ่งชี้ว่าเฟดได้ขยายการทำคิวอีให้รวมถึงตราสารเชิงพาณิชย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ เฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน ซึ่งการดำเนินมาตรการของเฟดดังกล่าว ถือเป็นการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟดเคยดำเนินการ