'บราซิล' ขู่ถอนตัวจาก WHO เมินคำเตือนอย่าคลายล็อกดาวน์
"ปธน.บราซิล" ขู่ถอนตัวจาก "องค์การอนามัยโลก" เมินคำเตือนอย่าเพิ่งคลายล็อกดาวน์ประเทศ ไม่สนโควิด-19 คร่าชีวิตนาทีละหนึ่งคน
ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิลประกาศในวันศุกร์ (5 มิ.ย.) ว่า เขาจะถอนบราซิลออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) หลังจากที่ ดับเบิลยูเอชโอเตือนรัฐบาลต่างๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ก่อนที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะชะลอตัวลง
ปธน.โบลโซนารู กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ว่า บราซิลจะพิจารณาการถอนตัวออกจากดับเบิลยูเอชโอ นอกเสียจากว่า ดับเบิลยูเอชโอ จะยุติการเป็น “องค์กรทางการเมือง”
มีรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในบราซิลยังคงเพิ่มขึ้น แต่นายโบลโซนารู ก็ยังคงต้องการยกเลิกคำสั่งต่างๆ ของรัฐบาลในการกักกันโรค โดยเขาระบุว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์นั้นรุนแรงกว่าความเสี่ยงด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้ ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในบราซิลพุ่งแซงอิตาลีแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เว็บไซต์ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของบราซิล ในวันที่ 6 มิ.ย.2563 อยู่ที่ 646,006 ราย ซึ่งถือเป็นยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับ 2 รองจากสหรัฐ และยอดผู้เสียชีวิตของบราซิลอยู่ที่ 35,047 ราย ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐ และสหราชอาณาจักร
ในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ Folha de S.Paulo ของบราซิลรายงานว่า เพียงแค่ 100 วัน นับตั้งแต่นายโบลโซนารูระบุว่า โรคโควิด-19 เป็นเพียงแค่ไข้หวัดเล็กน้อยนั้น โรคโควิด-19 ได้คร่าชีวิตชาวบราซิลไปแล้วนาทีละหนึ่งคน
นางมาร์กาเรต แฮร์ริส โฆษกของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า กฎเกณฑ์ที่สำคัญในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ก็คือจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องลดลง แต่บราซิลพยายามที่จะยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แม้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันพุ่งขึ้นก็ตาม
การที่นายโบลโซนารูเพิกเฉยกับความเสี่ยงด้านสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความพยายามที่จะยกเลิกมาตรการกักกันของรัฐนั้น ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงการการเมืองบราซิล ซึ่งบางคนกล่าวหาว่า นายโบลโซนารูใช้วิกฤตินี้เพื่อบ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตยประเทศ