หุ้น 'อาลีบาบา' พุ่ง ขานรับ 'แอนท์กรุ๊ป' ยื่นไอพีโอ

แอนท์กรุ๊ป (Ant Group) บริษัทฟินเทคในเครืออาลีบาบา ยื่นเอกสารเมื่อเย็นวันอังคาร (25 ส.ค.) ขอจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ เลี่ยงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนบานปลาย การเปิดขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ) ของแอนท์กรุ๊ป ได้ชื่อว่า เป็นการจดทะเบียนครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งของโลก ส่อแววทุบสถิติ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ซาอุดีอารามโคเคยทำไว้เมื่อปีก่อน

แอนท์กรุ๊ปยังไม่เผยรายละเอียดกรอบเวลาไอพีโอ หรือเม็ดเงินที่คาดว่าจะระดมทุนได้ แต่แค่ยื่นเอกสารก็ก่อให้เกิดเสียงฮือฮา ปิดตลาดเที่ยงวานนี้ ราคาหุ้นอาลีบาบาในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงขยับขึ้น 3.57% มาอยู่ที่ 278.8 ดอลลาร์ฮ่องกง

อาลีบาบา ซึ่งจดทะเบียนทั้งในฮ่องกงและนิวยอร์ก เป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่สุดของจีน มหาเศรษฐี “แจ๊ค หม่า” เป็นเจ้าของ

ส่วนแอนท์กรุ๊ป เป็นเจ้าในตลาดอีเพย์เมนท์ของจีน ดำเนินการโดยอาลีเพย์ ระบบชำระเงินออนไลน์หนึ่งในสองรายที่ครองตลาดจีน ประเทศที่อุปกรณ์และแอพพลิเคชันชำระเงินออนไลน์ บดบังความสำคัญของเงินสด เช็ก และบัตรเครดิตมานานแล้ว

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า แอนท์กรุ๊ปเล็งทำไอพีโอ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทจะมีมูลค่าตลาดราว 2.25 แสนล้านดอลลาร์ถ้าตลาดตอบรับ

แอนท์แจ้งในเอกสารขอจดทะเบียนว่า จะใช้กระบวนการนี้ขยายบริการชำระเงินข้ามประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนา

การที่แอนท์ตัดสินใจไม่เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก ถือเป็นความเสียหายใหญ่หลวงของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ แต่เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลวอชิงตันกำลังตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยี

“ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ถ้าสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรบางอย่าง ตลาดอื่นๆ อย่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แอนท์เล็งเข้าไปสร้างการเติบโตอาจได้รับผลกระทบไปด้วย” มาร์ค แทนเนอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาไชนาสกินนีในเซี่ยงไฮ้ให้ความเห็น

เมื่อเร็วๆ นี้แอพพลิเคชันคลิปวีดิโอ “ติ๊กต๊อก” (TikTok) ฟ้องรัฐบาลสหรัฐ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร ให้เวลาชาวอเมริกัน 45 วัน ยุติการทำธุรกิจกับไบต์แดนซ์ บริษัทจีนเจ้าของติ๊กต๊อก

ทรัมป์กล่าวหาว่าแอพยอดนิยมนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ส่วนจีนกล่าวหาว่า ทรัมป์เป็นโจรสลัดยุคใหม่ ใช้คำสั่งฝ่ายบริหารบีบขายติ๊กต็อกให้บริษัทสหรัฐ