เมียนมาปิดเมืองหลวงคุมเข้มสกัดโควิด-19
“อองซาน ซูจี”ชี้การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นภัยพิบัติของประเทศ ขณะเมียนมา ออกมาตรการกักตัว-ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในผู้ที่เดินทางเข้าเมืองหลวง หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากเมื่อวันพุธ (2ก.ย.)
รัฐบาลเมียนมา ระบุว่า ผู้ที่จะเดินทางเข้ากรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของประเทศ ต้องถูกกักตัวและตรวจหาเชื้อไวรัส โดยจะได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองต่อเมื่อผลตรวจเป็นลบ ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักจะถูกกักตัวในสถานที่กักตัวอย่างน้อย 7 วัน แต่หากผลตรวจเชื้อเป็นลบจะได้รับอนุญาตให้ออกจากสถานที่กักตัวเร็วขึ้น
เมียนมา พบการติดเชื้อภายในท้องถิ่นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน เมื่อช่วงกลางเดือนส.ค. ที่รัฐยะไข่ หลังจากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมของประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ที่ 1,059 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 6 คน โดยการติดเชื้อระลอกล่าสุดเกิดขึ้นที่เมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ที่เจ้าหน้าที่ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้านและประกาศใช้เคอร์ฟิว
เมืองสิตตะเวเป็นที่ตั้งของค่ายพักที่ชาวโรฮิงญาราว 100,000 คน ถูกกักขังนับตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้นในปี 2555 ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธการเป็นพลเมืองและเผชิญกับการจำกัดเสรีภาพการเคลื่อนไหวและการเข้าถึงการดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวด
ด้านนางซูจี กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นภัยพิบัติของประเทศและผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกลงโทษตามกฎหมายภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(3ก.ย.)ว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,987 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 228,403 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ระบุด้วยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 65 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 3,688 ราย
ส่วนอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในอาเซียน โดยมีจำนวน 7,750 ราย และมีผู้ติดเชื้อจำนวน 184,268 ราย