'ทรัมป์'ประกาศเตรียมฟ้องศาลค้านนับคะแนน

'ทรัมป์'ประกาศเตรียมฟ้องศาลค้านนับคะแนน

ประธานาธิบดีทรัมป์ฉวยจังหวะการเลือกตั้งสูสี ชิงประกาศชนะเลือกตั้งแน่ แม้ยังไม่ประกาศผลสุดท้าย ยันจะฟ้องศาลฎีกาค้านการนับคะแนน ด้านทีมไบเดนพร้อมสู้ ผู้นำโลกไม่กล้าแสดงความยินดี รอประกาศผลผู้ชนะตัวจริง

ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ (4 พ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 224 เสียง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 213 เสียง

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้คะแนน 270 เสียงก่อนถือเป็นผู้ชนะ โดยไบเดน ชนะในรัฐโคโลราโด มินนิโซตา แคลิฟอร์เนีย คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ ขณะที่ทรัมป์นำในรัฐแอละแบมา อาร์คันซอ ฟลอริดา ไอโอวา

ด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานคาดการณ์ว่า ทรัมป์จะชนะในรัฐโอไฮโอ ฟลอริดา และเท็กซัส อดีตรองประธานาธิบดีไบเดนนำในรัฐแอริโซนา เนวาดา และวิสคอนซิน ส่วนการแข่งขันในรัฐจอร์เจียและนอร์ทแคโรไลนา สูสีมากทรัมป์นำอยู่เล็กน้อย

ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความว่า จะแถลงข่าวในช่วงเย็นวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อถึงเวลาทรัมป์แถลงที่ห้องอีสต์รูมในทำเนียบขาว เริ่มต้นการด้วยอาการผิดหวัง เพราะเชื่อว่าตนชนะอย่างแน่นอนในรัฐแอริโซนา ที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกัน แต่กลายเป็นว่าไบเดนกลับเป็นฝ่ายชนะ

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ประกาศต่อผู้สนับสนุนมั่นใจชนะเลือกตั้งแน่นอน และจะร้องต่อศาลฎีกาให้ยุติการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์หลังวันเลือกตั้ง ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำรัฐถือว่าถูกกฎหมายหากมาถึงทันเวลา โดยทรัมป์อ้างว่านี่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งประเด็นนี้ทวีความสำคัญมากในหลายๆ รัฐที่การแข่งขันสูสีมาก

ทั้งนี้ ชาวอเมริกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์รวมแล้วกว่า 100 ล้านคน ด้วยเกรงว่าหากออกไปใช้สิทธิด้วยตนเองในวันเลือกตั้งผู้คนจะหนาแน่น เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19

เชื่อกันว่าผู้สนับสนุนนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตลงคะแนนทางไปรษณีย์มากกว่าผู้สนับสนุนทรัมป์

แต่การที่ทรัมป์ประกาศว่าจะฟ้องศาลก็เจอกระแสตีกลับจากผู้สนับสนุนของตนเอง นายคริส คริสตี ที่ปรึกษาของทรัมป์กล่าวว่า นั่นเป็นการตัดสินใจที่แย่มากไม่ว่าจะเป็นทางยุทธศาสตร์หรือทางการเมือง

การประกาศชัยชนะก่อนกำหนดของทรัมป์ เมื่อหลังเวลา 2.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่รัฐต่างๆ กำลังนับคะแนน เป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐไม่เคยทำมาก่อน

ทีมไบเดนประกาศสู้

ฝ่ายไบเดนก็โต้กลับทันทีเช่นกัน เรียกข้อเรียกร้องให้หยุดนับคะแนนของประธานาธิบดีว่า “อุกอาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” หากจำเป็นต้องขึ้นศาลทีมกฎหมายของไบเดนก็พร้อมแล้วที่จะสู้กับทรัมป์

“การนับคะแนนจะดำเนินต่อไปไม่มีการหยุด จนกว่าจะนับครบถูกต้องทุกคะแนน” ทีมไบเดนตอบโต้

ก่อนที่ทรัมป์จะออกมาแถลงอ้างชัยชนะไบเดนพบกับผู้สนับสนุนที่รัฐเดลาแวร์ถิ่นพำนักแบบรักษาระยะห่าง ผู้สนับสนุนบีบแตรให้กำลังใจอยู่ในรถ อดีตรองประธานาธิบดีวัย 77 ปีเชื่อว่า ตนชนะเลือกตั้งอย่างแน่นอน

“เพื่อนเอ๋ย.. จงศรัทธา เราจะชนะเลือกตั้ง” ไบเดนกล่าวกับผู้สนับสนุน และว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ตนหรือทรัมป์จะประกาศว่าใครเป็นผู้ชนะ ชาวอเมริกันจะเป็นผู้ตัดสิน

ด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายไบเดนระบุว่า การนับคะแนนผลเลือกตั้งอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากมีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์จำนวนมากท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ไม่มีกฎกำหนดว่าต้องประกาศในคืนวันเลือกตั้ง

ดังนั้นการที่ทรัมป์ย้ำว่า ควรทราบผู้ชนะในคืนเลือกตั้งจึงไม่เป็นความจริง แท้จริงแล้วตามกฎหมายรัฐบาลกลาง รัฐทั้งหลายมีเวลานับคะแนนและจัดการข้อโต้แย้งจนถึงวันที่ 8 ธ.ค. ซึี่งบางรัฐอาจกำหนดเส้นตายเร็วกว่านั้น

การเลือกตั้งครั้งนี้ทั้งสองพรรคต่างมุ่งหมายคว้าคะแนนในรัฐที่เป็นฐานเสียงของฝ่ายตรงข้ามมาให้ได้ โดยไบเดนเป็นผู้สมัครพรรคเดโมแครตคนแรกในรอบ 24 ปีที่ชนะในรัฐแอริโซนา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ รัฐนี้มีประชากร 7.279 ล้านคน มีคณะผู้เลือกตั้ง 11 คน คะแนนทั้งหมดตกเป็นของไบเดน

ส่วนรัฐอื่นๆ ยังไม่เปลี่ยนใจ และทรัมป์คว้าคะแนนจากรัฐฟลอริดามาอย่างรวดเร็ว จากการแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อฝ่ายซ้ายละตินอเมริกาจึงได้ใจชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบา

รัฐเท็กซัสเป็นป้อมปราการที่เดโมแครตตีไม่แตก แม้ว่าไบเดนจะเฉียดเข้ามาได้ในผลคะแนนช่วงแรก รัฐที่เขาชนะอย่างง่ายดาย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก มินนิโซตา และนิวแฮมป์เชียร์ซึ่งสองรัฐหลังฮิลลารี คลินตัน เคยชนะเมื่อปี 2559

จับตาเพนซิลเวเนีย

รัฐที่ถูกจับตามองมากคือ 3 รัฐทางภาคเหนือที่เคยเลือกทรัมป์เมื่อ 4 ปีก่อน ได้แก่ มิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ที่ยังรอการนับคะแนนจากเมืองฐานเสียงของเดโมแครตทั้งดีทรอยต์ ฟิลาเดลเฟีย และมิลวอกี ไบเดนค่อนข้างมั่นใจกับมิชิแกนและวิสคอนซิน และเชื่อมั่นมากกับรัฐเพนซิลเวเนียที่เป็นบ้านเกิด

ขณะที่ทรัมป์อ้างคะแนนที่นับแล้วยืนยันว่าเขาชนะในรัฐเหล่านี้ และมีคะแนนนำในเพนซิลเวเนียอย่างมหาศาล

ด้านนายทอม วูลฟ์ ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ที่สำคัญต่อการเลือกตั้งกล่าวว่า ยังมีบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์รอนับอีก 1 ล้านใบ เขารับปากว่าทุกเขตจะทำงานอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อยเพื่อนับคะแนนให้เสร็จสิ้น

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผลการเลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนียจะทราบได้ในสัปดาห์นี้

เหล่าผู้รู้เตือนล่วงหน้ามาหลายสัปดาห์แล้วว่าผลการเลือกตั้งปีนี้ต้องใช้เวลา และเกรงว่าทรัมป์อาจตั้งคำถามถึงกระบวนการนับคะแนน จนเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายหรืออาจถึงขั้นรุนแรง

แม้ยังไม่มีรายงานความไม่สงบ ร้านค้าต่างๆ ในกรุงวอชิงตันเอาแผ่นไม้มาปิดประตูร้านเพราะกลัวเกิดเหตุชุลมุนถึงขั้นปล้นสะดม ไม่เพียงเท่านั้นบรรดามหาอำนาจต่างชาติเรียกร้องให้การเลือกตั้งในสหรัฐเป็นไปโดยปราศจากความรุนแรง ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นจากนานาชาติ

ผู้นำโลกสงวนท่าทียินดี

ผลการเลือกตั้งที่สูสีกันและคู่แข่งทั้งสองต่างมั่นใจว่าตนชนะ ทำให้บรรดาผู้นำทั่วโลกต้องเผชิญกับคำถามละเอียดอ่อนว่า เมื่อใดจะได้แสดงความยินดีกับผู้ชนะเสียที โดยเฉพาะเมื่อมีความเสี่ยงอย่างมากว่าอาจมีการฟ้องร้องกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีโอกาสที่คะแนนเสียงมหาชน (ป็อปปูลาร์โหวต) อาจออกไปคนละทางกับคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งซึ่งเป็นผู้ตัดสินว่าใครชนะ และประธานาธิบดีทรัมป์ก็เคยประกาศว่าการลงคะแนนทางไปรษณีย์โกงง่ายและเขาอาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา

ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของผู้นำยุโรปเหนือรายหนึ่งเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การแสดงความยินดีอย่างชัดเจนทันท่วงทีสำคัญมากกับประเทศพันธมิตรหลัก แต่ช่วงนี้เสี่ยงมาก ไม่ควรขยับเร็วเกินไปอาจต้องรอจนถึงหลังวันเลือกตั้ง

บรรดาที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศนึกย้อนไปถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2543 ที่ประธานาธิบดีเยอรมนี ฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ พรรคร่วมรัฐบาลแอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ต่างแสดงความยินดีกับจอร์จ ดับเบิลยู บุช หลังสถานีโทรทัศน์สหรัฐประกาศว่าเป็นผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ต้องรออีก 5 สัปดาห์กว่าศาลฎีกาพิพากษาว่าบุชชนะอัล กอร์ ในเวลานั้นผู้นำบางคนก็ถอนคำแสดงความยินดี บางคนก็ทำเงียบๆ ไป

การเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ระหว่างทรัมป์กับฮิลลารี คลินตัน ก็สูสีกันแบบนี้ คลินตันชนะป็อปปูลาร์โหวต แต่ทรัมป์ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้ง

หัวหน้าที่ปรึกษาผู้นำชาติยุโรปอีกรายหนึ่งเผยว่า สถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนละเอียดอ่อนมาก ขึ้นอยู่กับว่าผลการเลือกตั้งชัดเจนแค่ไหนและจะมีใครออกมายอมรับความพ่ายแพ้ และปัญหาทางการทูตอีกประการหนึ่งคือ ถ้าไบเดนชนะการรีบแสดงความเสียใจกับทรัมป์ก็ไม่ใช่เรื่องควรทำเช่นกัน เพราะทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดีไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค. การให้เกียรติเขาย่อมเหมาะสมกว่า

ในแคนาดา ที่มีชายแดนติดกับสหรัฐและสายสัมพันธ์ทางการค้าเหนียวแน่น แหล่งข่าวในรัฐบาลออตตาวาเผยว่า มีแผนแสดงความยินดีก็ต่อเมื่อได้ผู้ชนะชัดเจนแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร

“ในใจผมคิดว่า น่าจะเป็นตอนที่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ถ้าไม่มีใครยอมรับพวกเราคงต้องคิดหนัก และต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด ยิ่งถ้าผลไม่ชัดหรือมีการฟ้องร้องคงต้องประเมินสถานการณ์กันวันต่อวัน” แหล่งข่าวย้ำกับรอยเตอร์

นายโดมินิก ราบบ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ กล่าววานนี้ ให้รอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เห็นได้ชัดว่าผันผวนมากและสูสีเกินกว่าที่เคยคาดคิด

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจาเนซ แจนซา แห่งสโลวีเนีย บ้านเกิดของเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 เป็นผู้นำสหภาพยุโรปคนแรกที่ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับทรัมป์ แจนซาเป็นนักการเมืองฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์มาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง

ในทวิตเตอร์ แฮชแท็ก #Trump #Biden และ #USElections2020 ติดเทรนด์ในรัสเซีย ปากีสถาน มาเลเซีย เคนยา ไปจนถึงทั่วยุโรปและละตินอเมริกา ตอกย้ำว่าทั่วโลกต่างจับตาการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนรัสเซียที่ถูกหน่วยข่าวกรองสหรัฐกล่าวหาว่าพยายามแทรกแซงการเลือกตั้ง ยังไม่มีปฏิกริยาอย่างเป็นทางการ

ด้านตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดมาดิ่งหนัก หลังประธานาธิบดีทรัมป์แถลงว่า จะฟ้องศาลฎีกาคัดค้านการนับคะแนน พลิกกลับไปเป็นบวก

เมื่อราว 17.15 น. วานนี้ตามเวลาประเทศไทย ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนขยับขึ้น 0.3% เงินปอนด์อ่อนค่า 0.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์

ในยูโรโซน ตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ตปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ปารีสเพิ่ม 0.5% เงินยูโรอ่อนค่าราว 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 3%

ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปิดบวก แต่นั่นเกิดขึ้นก่อนที่ทรัมป์ประกาศว่าเขาจะคัดค้านผลการเลือกตั้ง

นางสาวซูซานนาห์ สตรีเตอร์ นักวิเคราะห์การลงทุนและตลาดอาวุโส จากบริษัทฮาร์กรีฟส์แลนส์ดาวน์ กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศชัยชนะทั้งๆ ที่มีคะแนนไม่ได้นับอีกหลายล้านคะแนน นักลงทุนอาจต้องเตรียมตัวรับความผันผวนในการซื้อขายช่วงต่อไป

รอยเตอร์ระบุด้วยว่า แม้หากไบเดนและพรรคเดโมแครตแพ้อาจเขย่าตลาด แต่นักลงทุนเห็นพ้องกันว่า ไม่ว่าใครชนะก็จะต้องผลักดันมาตรการกระตุ้นชุดใหญ่เพื่อดูแลเศรษฐกิจสหรัฐให้รอดพ้นจากพิษโควิด-19