ย้อนไทม์ไลน์สำคัญ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ผู้นำสหรัฐที่ไม่มีใครเหมือน!
ย้อนไทม์ไลน์สำคัญ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งกำลังจะเป็นอดีตผู้นำ เมื่อ "โจ ไบเดน" เข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. ไปดูกันว่า ในช่วง 4 ปีที่ทรัมป์บริหารประเทศ มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง
นับตั้งแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากนครนิวยอร์ก ประกาศลงเล่นการเมืองและเริ่มรณรงค์หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2558 จนถึงวันที่แพ้เลือกตั้งให้กับ “โจ ไบเดน” คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตเมื่อปลายปีที่แล้ว ยุคสมัยของทรัมป์ในทำเนียบขาวเรียกได้ว่า “ขึ้นสุด ลงสุด” เหมือนกับนั่งรถไฟเหาะ
ทรัมป์ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐจอมแหวกธรรมเนียม เมินเฉยต่อพันธมิตร โจมตีทุกคนที่เห็นต่างจากตัวเอง และปกครองประเทศด้วยคำสั่งเด็ดขาดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เพื่อให้นโยบายของเขาถูกนำไปปฏิบัติบนหลักคิดทางการเมืองแนวอนุรักษนิยม แต่นโยบายของเขาก็แทบจะต่างกันสิ้นเชิงกับนโยบายอนุรักษนิยมของประธานาธิบดีคนก่อน ๆ จากพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ด้วยตัวตนที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ทำให้ในยุคบริหารของทรัมป์ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เด่น ๆ และความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจของเขาเกิดขึ้นมากมาย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ชวนย้อนส่องไทม์ไลน์เส้นทางการเมืองของทรัมป์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงหมดวาระ ดังต่อไปนี้
- คำสั่งฝ่ายบริหารเจ้าปัญหา
25 ม.ค. 60: ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้เริ่มสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกในภาคใต้ของประเทศตามที่หาเสียงไว้ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่เขาบอกว่าจะให้เม็กซิโกเป็นฝ่ายรับผิดชอบงบสร้างกำแพงด้วย สุดท้าย กำแพงถูกสร้างไปได้แค่ไม่กี่ร้อยกิโลเมตรและฝ่ายที่ออกค่าใช้จ่ายคือสหรัฐ
27 ม.ค. 60: ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ ได้แก่ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจเป็นวงกว้าง ต่อมาศาลฎีกาสหรัฐพิพากษาให้คำสั่งนี้เป็นโมฆะในช่วงฤดูร้อนปี 2561
1 มิ.ย. 60: ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะถอนตัวจาก “ความตกลงปารีส” ซึ่งเป็นข้อตกลงที่นานาประเทศร่วมมือกันหาทางต่อสู้โลกร้อน
- เศรษฐกิจไม่แคร์ใคร
20 ธ.ค. 60: สภาคองเกรสที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ผ่านกฎหมายลดอัตราภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 31 ปี
31 พ.ค. 61: สหรัฐออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากเม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรป (EU)
12 มิ.ย. 61: ทรัมป์เริ่มทำสงครามการค้ากับจีน ด้วยการสั่งเก็บภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแดนมังกร มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ก.ย. 62: อัตราการว่างงานในสหรัฐต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี แตะที่ 3.5%
- การทูต “พร้อมชน”
6 ธ.ค. 60: รัฐบาลของทรัมป์ประกาศรับรอง “เยรูซาเลม” เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งเป็นการแหวกนโยบายสหรัฐที่มีมายาวนาน พร้อมเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ
8 พ.ค. 61: สหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศที่ทำไว้กับอิหร่าน และกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านอีกรอบ
30 มิ.ย. 62: ทรัมป์กลายเป็นผู้นำสหรัฐคนแรกที่เดินทางเยือนเกาหลีเหนือ ประมาณ 1 ปีเศษหลังจากจัดประชุมสุดยอดกับ “คิม จอง-อึน” ผู้นำสูงสุดโสมแดงในสิงคโปร์เพื่อหารือเรื่องการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์
27 ต.ค. 62: ทรัมป์ประกาศว่า กองทัพสหรัฐได้ปลิดชีพ “อาบู บักการ์ อัล-บักดาดี” ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ระหว่างปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย
3 ม.ค. 63: ทรัมป์สั่งสังหาร “กัสเซ็ม โซไลมานี” นายพลทรงอิทธิพลของอิหร่าน ด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงแบกแดด อิรัก
- ความพ่ายแพ้
28 มิ.ย. 60: วุฒิสภาซึ่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ประสบความล้มเหลวในการคว่ำ “โอบามาแคร์” ซึ่งเป็นนโยบายสาธารณสุขของพรรคเดโมแครตที่ทรัมป์ประกาศว่าจะคว่ำให้ได้
6 พ.ย. 61: พรรคเดโมแครตกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งกลางเทอม ขณะที่รีพับลิกันยังครองสภาสูง
3 พ.ย. 63: ทรัมป์แพ้เลือกตั้งต่อ โจ ไบเดน คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งเขาไม่ยอมประกาศยอมแพ้และอ้างว่ามีการโกงคะแนน แต่หาหลักฐานมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้ไม่ได้ ไปฟ้องศาลฎีกาก็ถูกตีตกหมด
- วิกฤติโควิด-19
31 ม.ค. 63: สหรัฐประกาศห้ามนักเดินทางต่างชาติจากจีนเข้าประเทศ เพื่อหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 คำสั่งดังกล่าวยังขยายถึงประเทศสมาชิกอียูในวันที่ 14 มี.ค. ที่อเมริกาประกาศปิดประเทศ
2 ต.ค. 63: หลังจากผลตรวจโควิดเป็นบวก ทรัมป์เข้าแอดมิทกับโรงพยาบาลทหารเพื่อรับการรักษา และหายป่วยอย่างรวดเร็วใน 3 วันต่อมา พร้อมกับอ้างว่าตอนนี้เขามี “ภูมิคุ้มกัน” แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของเหตุการณ์สำคัญในยุคสมัยของทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของอเมริกา และไม่ว่าใครจะมองเขาในแง่บวกหรือลบ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุรุษชื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" คือผู้นำสหรัฐที่สร้างสีสันให้กับโลกอย่างแท้จริง!