e-Residency:พลเมืองดิจิทัลเอสโตเนีย
รู้จัก e-Residency ตัวอยู่เมืองไทยแต่สามารถเป็น “พลเมืองดิจิทัล” ของเอสโตเนียได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นี้
ต้องยอมรับว่า การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลกระทบมากมายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดการเดินทาง การทำงานและดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศไม่คล่องเหมือนก่อน ภาครัฐบาล ธุรกิจ และผู้ประกอบอาชีพอิสระต้องเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล หลายคนพบข้อเท็จจริงที่ว่า ยุคนี้ทำงานได้โดยไม่ยึดติดกับสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความต้องการเครื่องมือที่สามารถรองรับการทำงานของพวกเขาได้ และ e-Residency คือหนึ่งในโซลูชันนั้น ตัวอยู่เมืองไทยแต่สามารถเป็น “พลเมืองดิจิทัล” ของเอสโตเนียได้ด้วยระบบนี้
e-Residency เป็นสตาร์ทอัพจากรัฐบาลของประเทศเอสโตเนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 เป็นช่องทางให้ผู้คนทั่วโลกได้เป็น “พลเมืองเสมือน” ของเอสโตเนีย กระบวนการสมัคร e-Residency มีความสะดวกและรวดเร็ว ทุกขั้นตอนสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ผู้สมัครเพียงแค่ยื่นเอกสารการสมัครทาง website ของ e-Residency จากนั้นตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาชายแดน (Border Guard)
ของเอสโตเนียจะตรวจสอบประวัติ เมื่อเอกสารการสมัครได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้สมัครสามารถเลือกจุด pick up point ที่สะดวก เพื่อเข้าไปรับบัตรยืนยันตัวตนดิจิทัล (Digital ID Card) จาก e-Residency ได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถรับได้แล้วที่กรุงเทพฯ เพิ่มเติมจากบราซิล สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้
ผู้ที่ผ่านการอนุมัติเป็น e-Resident แล้ว สามารถเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลทั้งหมดของเอสโตเนียจากที่ใดก็ได้ ประเทศเอสโตเนียเป็นสังคมดิจิทัลกว่า 99% โดยระบบต่างๆของรัฐสามารถดำเนินการผ่านออนไลน์ได้เกือบทั้งหมด ยกเว้น การหย่าร้างและการแต่งงาน
ปัจจุบันมีจำนวนพลเมืองดิจิทัลที่ถือบัตร e-Resident ทั่วโลกในกว่า 170 ประเทศที่กำลังเปิดบริษัทและดำเนินธุรกิจทั้งในเอสโตเนียและประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรป (อียู) ผ่านการเซ็นเอกสารบัตรประจำตัวผ่านระบบดิจิทัลของ e-Residency โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามายังประเทศเอสโตเนีย
สำหรับคนไทยสามารถทำธุรกิจในเอสโตเนียโดยใช้สถานะ e-Residency ที่รับรองโดยเอสโตเนียได้โดยไม่ต้องเป็นหุ้นส่วนกับชาวเอสโตเนีย สามารถตั้งบริษัทได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจาก e-Residency มีผู้ให้บริการหลากหลายและครบวงจรในการช่วยก่อตั้งบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ด้านบัญชี บริการสำนักงานออนไลน์ ที่ปรึกษาด้านภาษี บริการด้านการชำระเงินและการเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมายและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นบริการทางเลือกที่สามารถใช้ได้หากต้องการ เพื่อช่วยให้กระบวนต่างๆง่าย รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงราคาไม่แพง
ในเมื่อเอสโตเนียเป็นสมาชิกอียู การทำธุรกิจในเอสโตเนียซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อีอีเอ) หมายถึงการที่ สินค้า แรงงาน และ บริการสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระในกลุ่มประเทศอียูซึ่งแต่ละประเทศนั้นมีกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆที่สอดคล้องกัน กรณีของเอสโตเนีย บริษัทหรือผู้ประกอบการในอียู สามารถเข้าถึงพาร์ทเนอร์และลูกค้าอื่นๆในยุโรปได้ สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ประกอบการ จะสามารถมอบบริการให้กับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายและอิสระมากขึ้น สำหรับกลุ่มผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ ก็จะสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ โดยการสนับสนุนจากศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพในทวีปยุโรป กล่าวได้ว่า ยุโรป เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพ และ บริษัทต่างๆ ที่อยู่ในอียู ก็มีข้อได้เปรียบจากการได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่า e-Residency นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางด้านภาษี แต่เป็นการมอบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก ให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านคอมพิวเตอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารที่เป็นกระดาษ หรือนั่งทำงานอยู่ในสำนักงานเพียงอย่างเดียว และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับระบบการยื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบภาษี โดยกว่า 40% ของ e-Residents ที่เป็นคนประเทศเอสโตเนียนั้นถือเป็นประชากรของสหภาพยุโรป ซึ่งพวกเขาได้ทำการลงทะเบียนกับ e-Residency เพื่อให้ชีวิตมีความง่ายและสะดวกมากขึ้น
ได้ยินดังนี้แล้ว e-Residency เป็นสิ่งที่น่าลองในยุคโควิดระบาด เพราะไหนๆ ก็ต้อง Work from home กันแล้ว ลองเป็นพลเมืองดิจิทัลในประเทศอื่นดูบ้างเพื่อความสะดวกในการทำธุรกิจก็น่าจะดี