'Coinbase' เปิดให้บริการอีกครั้งหลังระบบเทรด 'คริปโต' ล่ม

'Coinbase' เปิดให้บริการอีกครั้งหลังระบบเทรด 'คริปโต' ล่ม

"Coinbase" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทสามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่ง หลังจากประสบปัญหาระบบล่มก่อนหน้านี้ ท่ามกลางภาวะผันผวนในตลาด

“เราได้แก้ไขปัญหาแล้ว และบริษัทขออภัยต่อความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และขอขอบคุณต่อความอดทนของทุกท่านในวันนี้” แถลงการณ์ของบริษัทระบุ

ส่วน Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในโลก ก็ได้เปิดทำการซื้อขายตามปกติแล้ว หลังประกาศห้ามนักลงทุนถอนสกุลเงินอีเธอเรียมก่อนหน้านี้ เนื่องจากประสบปัญหาในระบบเช่นกัน

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Coinbase Global Inc. ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวนในตลาดจนส่งผลให้ระบบซื้อขายของบริษัทล่มในวันนี้

ราคาหุ้น Coinbase ทรุดตัวลง 13% สู่ระดับ 208 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทประสบปัญหาทางเทคนิค

ราคาบิทคอยน์ทรุดหนักเกือบ 30% ใกล้หลุดระดับ 30,000 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้สถาบันการเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต

เมื่อเวลา 20.09 น.ตามเวลาไทยของวันที่ 19พ.ค. บิทคอยน์ดิ่งลง 29.2% สู่ระดับ 30,600 ดอลลาร์ หรือราว 963,900 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase

ก่อนหน้านี้ บิทคอยน์เคยทะยานเหนือระดับ 64,400 ดอลลาร์ ทะลุ 2,000,000 บาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในกลางเดือนเม.ย. ขานรับ Coinbase Global Inc. เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศห้ามไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทด้านการชำระเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต และเตือนไม่ให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตเพื่อเก็งกำไร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนถือเป็นความพยายามล่าสุดที่จะสกัดความร้อนแรงในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังถูกกดดัน หลังมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า กระทรวงยุติธรรมและกรมสรรพากรสหรัฐ กำลังเข้าสอบสวนบริษัท Binance Holdings ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากอาจพัวพันการฟอกเงินและการหลบเลี่ยงภาษี

ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และสำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (เอฟซีเอ) ออกแถลงการณ์เตือนก่อนหน้านี้ว่า สกุลเงินคริปโตไม่มีมูลค่าในตัวเอง และผู้ที่เข้าลงทุนก็ควรเตรียมตัวที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด

นอกจากนี้ ธนาคารกลางตุรกีได้ออกคำสั่งห้ามการใช้สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ ในการซื้อขายสินค้าและบริการในประเทศ โดยระบุถึงความเสียหายและความเสี่ยง “ที่ไม่สามารถเยียวยาได้” จากการทำธุรกรรมดังกล่าว

ส่วนทางการอินเดียก็เตรียมออกกฎหมายห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ โดยจะมีการสั่งปรับผู้ที่ทำธุรกรรม หรือถือครองสกุลเงินคริปโต