'สิงเทล'เปิดแผนลงทุนอาเซียนทศวรรษหน้า
'สิงเทล'เปิดแผนลงทุนอาเซียนทศวรรษหน้า โดยซีอีโอสิงเทลระบุว่า บริษัทมองตลาดอาเซียนว่าเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาสในระยะ 10 ปีข้างหน้า และขณะนี้บริษัทกำลังมองหาลู่ทางที่จะเข้าถือหุ้นข้างน้อยในบริษัทให้บริการดิจิทัลในภูมิภาค
สิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชันส์ (สิงเทล)ประกาศเพิ่มการลงทุนในบริษัทให้บริการดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากผลกำไรธุรกิจพรีเพดและธุรกิจสื่อสารเคลื่อนที่แบบดั้งเดิมหดหายไปครึ่งหนึ่งเพราะผลพวงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“เรามองตลาดอาเซียนว่าเป็นตลาดที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยโอกาสในระยะ 10 ปีข้างหน้า และขณะนี้บริษัทกำลังมองหาลู่ทางที่จะเข้าถือหุ้นข้างน้อยในบริษัทให้บริการดิจิทัลรูปแบบต่างๆในภูมิภาค ”หยวน ควน มุน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)บริษัทสิงเทล กรุ๊ป กล่าวพร้อมระบุว่าจะเน้นลงทุนในธุรกิจให้บริการทางการเงิน สตรีมมิงและบริษัทเกมแต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นบริษัทใดบ้าง
ยกระดับฐานลูกค้าในบ.ร่วมทุน
ผู้บริหารของสิงเทล ระบุด้วยว่า จะยกระดับฐานลูกค้าที่มีอยู่ผ่านทางบริษัทต่างๆในภูมิภาคที่สิงเทลถือหุ้นอยู่แล้ว รวมถึง เทเลคอมเซล ในอินโดนีเซีย โกลบ เทเลคอม ในฟิลิปปินส์และแอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (เอไอเอส)ในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมา สิงเทลได้เข้าถือหุ้น 40% ในหน่วยงานร่วมทุนด้านธนาคารดิจิทัลกับแกร็บของสิงคโปร์ที่ได้รับใบอนุญาติให้ดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์ได้ ขณะที่เทเลคอมเซล ลงทุนในลิงค์อะยา ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติอินโดนีเซีย
"การกำหนดกลยุทธ์ใหม่เป็นก้าวย่างที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจด้านเทคโนโลยีและลงทุนเพิ่มขึ้นในด้านนี้ ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 กระตุ้นแนวโน้มธุรกิจดิจิทัล เราจึงต้องปรับธุรกิจให้สอดรับกับแนวโน้มเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ"ซีอีโอสิงเทล กล่าว พร้อมทั้งระบุว่า "เราตั้งใจใช้โอกาสที่หาได้ยากนี้สร้างความเปลี่ยนแปลง ปรับโครงสร้าง และปรับปรุงบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้
การทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการช็อปปิงทางออนไลน์ การส่งของและการจ่ายเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่บรรดานักลงทุนทั่วไปต่างก็จับตามองความเคลื่อนไหวของธุรกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นรายใหญ่ๆในธุรกิจดิจิทัลอย่าง แกร็บ โกเจ็กและโทโกพีเดีย มีแผนที่จะนำหุ้นออกขายแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ)
สร้างระบบนิเวศธุรกิจดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจดิจิทัลหลายแห่งในภูมิภาคยังคงประสบภาวะขาดทุน แต่หยวน มองว่าการลงทุนดิจิทัลไม่ใช่การลงทุนระยะสั้นที่มุ่งเน้นกอบโกยกำไรเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของการสร้างระบบนิเวศ คือการยกระดับสายสัมพันธ์ของบริษัทกับลูกค้าและการเข้าถึงลูกค้า รวมทั้งความไว้วางใจแบรนด์ในตลาดแต่ละแห่ง
นอกจากนี้ ซีอีโอสิงเทล ยังคาดการณ์ว่าตลาดเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็นประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 100,000 ล้านดอลลาร์จากเมื่อปี 2563 เพราะฉะนั้น การลงทุนด้านดิจิทัลจึงเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท โดยธุรกิจที่สิงเทลให้ความสำคัญและกำหนดไว้ในกลยุทธ์ใหม่รวมถึง ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร 5 จี และการบริการธุรกิจต่อธุรกิจสำหรับภาครัฐและกิจการต่างๆ
ในส่วนของเทคโนโลยี5จี นั้น สิงเทลตัดสินใจเลือกอีริคสัน บริษัทสัญชาติสวีเดนเป็นหุ้นส่วนร่วมพัฒนาเครือข่าย 5จี โดยบริษัทได้รับอนุญาติจากรัฐบาลสิงคโปร์แล้ว และยังมีผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมของสิงคโปร์อีก 2 รายเข้าร่วม คือเอ็ม1 ( M1) และสตาร์ฮับ( StarHub )ที่ตัดสินใจเลือกบริษัทโนเกียเป็นผู้วางโครงสร้างพื้นฐานหลักของ 5จี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจโทรคมนาคมเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่รุนแรง แม้สิงเทลจะครองส่วนแบ่งประมาณ50% ของตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่ของประเทศ แต่ด้วยความที่ตลาดเดินมาถึงจุดอิ่มตัวประกอบกับมาเจอสถานการรณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความต้องการในธุรกิจการบริการบางประเภทลดลงอย่างมาก อาทิ บริการโรมมิ่ง
รายได้-กำไรสุทธิร่วง
สิงเทล รายงานกำไรสุทธิในปีงบการเงินสิ้นสุดเดือนมี.ค.วานนี้ (27พ.ค.)อยู่ที่ 553.7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (418 ล้านดอลลาร์)ลดลง49% จากปีก่อนหน้านี้ ส่วนรายได้จากการดำเนินงานร่วงลง 5%ไปอยู่ที่ 15,600 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์และนอกจากรายได้ในส่วนของธุรกิจโรมมิงลดลงเพราะมาตรการคุมเข้มด้านการเดินทางแล้ว รายได้จากค่าธรรมให้บริการพรีเพดก็ร่วงลงเพราะการเดินทางในประเทศและนักเรียนที่ไปเรียนต่างประเทศลดลง
สิงเทล เป็นกลุ่มธุรกิจด้านการสื่อสารชั้นนำของเอเชียและให้บริการทั้งกลุ่มบริษัทและผู้บริโภค บริษัทมีศูนย์ปฏิบัติการหลัก 2 แห่ง คือที่สิงคโปร์ และที่ออสเตรเลียผ่านทางบริษัทสิงเทล ออปตัส (SingTel Optus)
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเครือข่ายสำนักงาน 32 แห่ง ใน 16 ประเทศ ครอบคลุมทั้งเอเชียแปซิฟิค ยุโรป และสหรัฐ ซึ่งสำนักงานเหล่านี้ช่วยให้สิงเทลสามารถจัดส่งโซลูชั่นเครือข่ายที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้าทั้งในรูปแบบการให้บริการด้วยตัวเองหรือร่วมกับหุ้นส่วนในท้องถิ่น