'ดาวโจนส์'ดีดตัว 126 จุด-จับตาเงินเฟ้อ-ถ้อยแถลง'พาวเวล'
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(12ก.ค.)ปรับตัวขึ้น ต่อเนื่องจากที่ทะยานขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใส
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 126.02 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 34,996.18 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 15.08 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 4,384.63 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 31.32 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 14,733.24 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะเริ่มรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี500 จะมีกำไรในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 65% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552
บริษัทจำนวน 66 แห่งในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้ออกรายงานคาดการณ์ผลประกอบการที่เป็นบวกในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่บริษัทแฟคเซ็ทได้เริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว
นอกจากนี้ คาดว่าหุ้นทั้ง 11 กลุ่มในตลาดจะมีการขยายตัวของผลประกอบการ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน อุตสาหกรรม และการเงิน ขานรับการเปิดเศรษฐกิจใหม่ หลังจากที่มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันอังคารและวันพุธตามลำดับ รวมทั้งยอดค้าปลีกในวันศุกร์
ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรส โดยเขาจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14 ก.ค.เวลา 12.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 15 ก.ค.เวลา 09.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.30 น.ตามเวลาไทย
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ประธานเฟดมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือนก.พ. และอีกครั้งในเดือนก.ค.
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
การแถลงของนายพาวเวลในสัปดาห์นี้ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเขาอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) หลังจากที่รายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนมิ.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินคิวอี พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 1 ปี และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดคิวอีในเดือนม.ค.2565 โดยจะปรับลดวงเงินคิวอี เดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่เฟดดำเนินมาตรการคิวอี วงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้เฟดใช้เวลา 6 เดือนในการปรับลดคิวอีจนเหลือ 0 หมายความว่าเฟดจะยุติการทำคิวอีโดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565 และเฟดจะพักการดำเนินการเป็นเวลา 1 ปีเพื่อให้ตลาดปรับตัว ก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566