‘สหรัฐ’ ประกาศมอบเงิน 5 ล้านดอลล์ช่วย 'ไทย' สู้โควิด
"ทูตสหรัฐประจำยูเอ็น" เยือนประเทศไทย หารือ "ดอน ปรมัตถ์วินัย" ประกาศมอบเงิน 5 ล้านดอลลาร์ช่วยไทย ต่อสู้โควิด-19 พร้อมกับให้เงินช่วยเหลือองค์กรระหว่างประเทศ และพันธมิตรสหรัฐ 50 ล้านดอลลาร์ นำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวเมียนมานอกประเทศ
นางโอลิเวีย ดัลทัน โฆษกคณะผู้แทนเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงภายหลังการพบปะหารือระหว่างนางลินดา โทมัส-กรีน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า นางโทมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวย้ำถึงความแข็งแกร่งของพันธไมตรีอันยาวนานระหว่างสหรัฐ - ไทย อีกทั้งยังเน้นถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐ มีต่อประชาชนไทย
นางโทมัส-กรีนฟิลด์ ประกาศว่า สหรัฐขอประกาศในวันนี้ว่า สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือรอบใหม่ มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ให้กับประเทศไทยต่อสู้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19
“ขณะที่เราทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งรวมไปถึงวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1.5 ล้านโดสที่สหรัฐได้บริจาคให้เมื่อเร็ว ๆ นี้ และวัคซีนอีก 1 ล้านโดสที่ประกาศไปแล้ว ก่อนหน้านี้ว่าจะบริจาคให้” เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยุเอ็น
ในการประชุมร่วมกับนายดอนนั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในเมียนมา และผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวที่มีต่อเสถียรภาพในภูมิภาค โดยนางโทมัส-กรีนฟิลด์ ยังได้เน้นถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานด้วย
ส่วนการประชุมระหว่างเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาตินั้น นางโทมัส-กรีนฟิลด์ได้หยิบยกเกี่ยวกับประเด็นความสำคัญของความร่วมมือที่ต่อเนื่องระหว่างสหรัฐ และไทย ในประเด็นต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และความต้องการด้านมนุษยธรรม
มีรายงานว่า ในวานนี้ (10 ส.ค.) ตามเวลาสหรัฐ นายเนด ไพรส์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐขอประกาศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่สำคัญแก่ ประชาชนชาวเมียนมามากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ รวมถึงผู้ที่ถูกบังคับให้หลบหนีความรุนแรงและการประหัตประหาร ซึ่งความช่วยเหลือนี้ จะช่วยให้กับองค์กรระหว่างประเทศ และพันธมิตรของสหรัฐ สามารถให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน ด้านอาหาร ที่พักพิง การดูแลสุขภาพที่จำเป็นอย่างน้ำ สุขาภิบาล และบริการด้านสุขอนามัยแก่ประชาชนชาวเมียนมา รวมทั้งชาวเมียนมาที่หนีภัยทางการเมืองหรือพลัดถิ่นจากภูมิลำเนาของพวกเขา