ยูเอ็นเผยชาวอัฟกัน 12.2 ล้านรายเผชิญความไม่มั่นคงทางอาหารเฉียบพลัน
สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า สถานการณ์ในการช่วยบรรเทาวิกฤตในอัฟกานิสถานนั้นถดถอยลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประชาชน 12.2 ล้านรายกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารอย่างเฉียบพลัน
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) กล่าวว่า ขณะที่ชาวอัฟกานิสถานหลายพันคนพยายามอพยพออกจากประเทศผ่านสนามบินในกรุงคาบูล ยังมีประชาชนอีกกว่า 735,000 รายที่เดินทางกลับมาจากอิหร่าน ปากีสถาน และประเทศอื่นๆ ในปีนี้ ซึ่งต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน ตลอดจนประชาชนอีก 550,000 รายต้องพลัดถิ่นภายในประเทศตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า "ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมคาดว่าจะย่ำแย่ลงอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องมาจากภัยแล้ง" พร้อมเสริมว่า ประชาชน 12.2 ล้านรายส่วนใหญ่ที่เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารแบบเฉียบพลันอยู่แล้ว จะได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากภัยแล้งอีก
ภาวะทุพโภชนาการอย่างเฉียบพลันขั้นรุนแรงพุ่งขึ้น 16% และส่งผลกระทบต่อผู้คน 900,000 ราย ขณะที่ภาวะทุพโภชนาการอย่างเฉียบพลันระดับปานกลางเพิ่มขึ้น 11% และส่งผลกระทบต่อเด็ก 3.1 ล้านคน
โอซีเอชเอ กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีนั้นคาดว่าจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส่วนผลผลิตจากปศุสัตว์จะอ่อนแอลง เนื่องมาจากทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และความพร้อมด้านอาหารสัตว์ที่ไม่ดีนัก ส่วนความขัดแย้งและภัยแล้งได้ส่งผลให้กิจกรรมการเกษตรลดลง 28% ซึ่งเพิ่มความเปราะบางของตลาด
นอกจากนี้ ราคาอาหารยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนข้อจำกัดการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งได้ส่งผลให้ราคาของวัตถุดิบหลักพุ่งสูงขึ้น ราคาข้าวสาลี, ข้าว, น้ำตาล และน้ำมันประกอบอาหารเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเพิ่มขึ้นราว 1% - 4% เมื่อเทียบรายเดือนในปี 2564
ทั้งนี้ โอซีเอชเอ ระบุว่า แผนรับมือด้านมนุษยธรรมสำหรับสำหรับอัฟกานิสถานของยูเอ็นยังคงได้รับทุนสนุนเพียง 37% นอกจากนี้ ความต้องการด้านที่พักและสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินนั้นถือเป็นกรณีเร่งด่วนพิเศษ เนื่องจากการพลัดถิ่นที่เพิ่มขึ้น แต่เงินที่ได้จากการบริจาคคิดเป็นสัดส่วนเพียง 4% ของเงินทุนที่จำเป็นเท่านั้น