อานิสงส์ ‘ซิโนแวค’ เปิดผลกำไร ‘ซิโน ไบโอฟาร์มา’ ครึ่งปีแรกฟันกว่า 4 หมื่นล้านบาท
เปิดผลประกอบการครึ่งปีแรก “ซิโน ไบโอฟาร์มา” ซึ่งลงทุนใน “ซิโนแวค” ฟันกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า ทะลุ 4 หมื่นล้านบาท อานิสงส์จากการพัฒนาวัคซีนโควิด-19
ยอดขายกว่า 1,000 ล้านโดสทั่วโลกของวัคซีนโควิด-19 ที่รู้จักในชื่อ “โคโรนาแวค” (CoronaVac) หนุนให้บริษัท “ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล” ซึ่งถือหุ้น 15% ในบริษัทลูกของซิโนแวค ไบโอเทค ผู้ผลิตยาชั้นนำของจีน รายงานผลประกอบการเมื่อวันอังคาร (31 ส.ค.) ว่า มีผลกำไร 8,480 ล้านหยวน (ราว 4.24 หมื่นล้านบาท) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่าจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล ซึ่งมีผู้ถือหุ้นชื่อใหญ่ชื่อ “เอริค เซี่ย” กรรมการบริหารบริษัทและมีประธานบริษัทชื่อ “เทเรซา เซี่ย” เผยด้วยว่า ในจำนวนนี้ 6,910 ล้านหยวน มาจากบริษัทในเครือและธุรกิจร่วมทุนต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งรวมถึงหน่วยธุรกิจซิโนแวคด้วย
อ่านเพิ่มเติม: ผ่าสัมพันธ์ 'ซีพี-ผู้ถือหุ้นซิโนแวค'
ผลกำไรของผู้ผลิตยารายนี้ เป็นตัวบ่งชี้แรกถึงเม็ดเงินมหาศาลที่ซิโนแวคได้รับจากการจำหน่วยวัคซีนไปทั่วโลก หลังเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ซิโนแวคซึ่งหุ้นถูกระงับการซื้อขายในตลาดหุ้นแนสแด็กของสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2562 ยังไม่รายงานผลประกอบการใด ๆ ในปี 2564 ขณะที่ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการจากแต่ละหน่วยธุรกิจที่เข้าไปลงทุน
ราคาหุ้นของซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ปิดเพิ่มขึ้น 3.07% แตะที่ 6.71 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้ (1 ก.ย.)
การเติบโตดังกล่าวสอดคล้องกับบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนรายอื่น ๆ ผลจากความต้องการวัคซีนโควิด-19 และการระดมฉีดวัคซีนทั่วโลก เช่น บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer Inc.) ของสหรัฐ โกยยอดขาย 7,800 ล้านดอลลาร์จากวัคซีนชนิด mRNA ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งร่วมพัฒนากับบริษัทไบออนเทค (BioNTech) ของเยอรมนี และคาดว่าจะสร้างรายได้ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้
ปีที่แล้ว ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเปลี่ยนจากการลงทุนในบริษัทผลิตยาทั่วไปมาลงทุนในบริษัทผลิตยารักษามะเร็งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทุ่มเงินลงทุน 515 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.5 หมื่นล้านบาท) เพื่อถือหุ้น 15% ใน ซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ (Sinovac Life Sciences) หน่วยธุรกิจผลิตวัคซีนของซิโนแวค ซึ่งมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นราว 3 เท่าแล้วในปัจจุบัน
อ้างอิง: Bloomberg, WSJ, Yahoo Finance