ผ่าอาณาจักร "เอเวอร์แกรนด์" ชนวนวิกฤติซับไพรม์เอเชีย?

ผ่าอาณาจักร "เอเวอร์แกรนด์" ชนวนวิกฤติซับไพรม์เอเชีย?

เมื่อ "เอเวอร์แกรนด์" ธุรกิจยักษ์แดนมังกร ส่อเค้าล้มละลาย พร้อมผิดนัดชำระหนี้ที่สูงถึง 1.97 ล้านล้านหยวน ทำให้เกิดความกลัวว่าหากยักษ์อสังหาริมทรัพย์ตัวนี้ล้มจริง จะจุดชนวนนำไปสู่วิกฤติซับไพรม์ในภูมิภาคเอเชียหรือไม่

มีการคาดการณ์ว่าหากว่า "เอเวอร์แกรนด์" ล้มจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของจีน และอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนถึงเศรษฐกิจของโลกด้วย

มาดูกันว่า ธุรกิจของ "เอเวอร์แกรนด์" ใหญ่โตขนาดสร้างผลกระทบรุนแรงได้ขนาดนั้นเลยหรือ ?

   

  • เอเวอร์แกรนด์ ทำธุรกิจอะไร?

เอเวอร์แกรนด์ เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของจีน ทำโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,300 โครงการ ในกว่า 280 เมือง เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศจีน และติดอันดับ1ใน 150 บริษัทชั้นนำของโลกเมื่อพิจารณาจากรายได้ จากการจัดอันดับของฟอร์จูน 500
 

บริษัทมีพนักงานมากกว่า 123,000 คน มีรายได้รวม 7.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2563

เอเวอร์แกรนด์ ก่อตั้งโดย “ซูว์ เจียอิ้น” นักธุรกิจมหาเศรษฐีวัย 62 ปี เมื่อปี 2539 ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส ให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามในประเทศจีน และเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 31 ของโลก ทั้งยังได้รับการจัดอันดับในรายงานความมั่งคั่งล่าสุดจากรายงานของหูรุ่น ยกให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 5 ของประเทศ

อ่านข่าว : จับตา! วิกฤติซับไพรม์เอเชีย หลัง “เอเวอร์แกรนด์” ส่อผิดนัดชำระหนี้

  • อาณาจักรเอเวอร์แกรนด์ ที่ไม่ได้ทำแค่อสังหาริมทรัพย์

นอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้ว เอเวอร์แกรนด์ยังทุ่มซื้อสโมสรฟุตบอลกว่างโจว เอฟซี และเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

มีทั้งกิจการน้ำแร่และอาหารภายใต้แบรนด์ Evergrande Spring

ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจสวนสนุกสำหรับเด็ก ซึ่งใหญ่โตยิ่งกว่าสวนสนุกของดิสนีย์แลนด์

นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ ยังลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดิจิทัล อินเทอร์เน็ต ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ และธุรกิจการประกันภัย รวมทั้งลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2552

  

  • เกิดอะไรขึ้นกับ "เอเวอร์แกรนด์" 

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเอเวอร์แกรนด์คือ ปัญหาหนี้สิน ซึ่งกลุ่มบริษัทเปิดเผยในสัปดาห์นี้ หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.97 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 3.56 แสนล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งเตือนว่าจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นมากหากบริษัทผิดนัดชำระหนี้

ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ดิ่งมากกว่า 70% ขณะที่ผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์หลายรายระบุว่า ไม่ได้รับค่าจ้างตรงเวลา

ส่วนเจ้าหนี้ต่าง ๆ ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็ฟ้องร้องเพื่อให้ศาลบังคับให้บริษัทใช้หนี้มาโดยตลอด

ปัญหาหนี้สินมากมายมหาศาลของเอเวอร์แกรนด์ ทำให้หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกอย่าง "เอสแอนด์พี" ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจาก B- เป็น CCC (สองระดับ) ในวันที่ 5 ส.ค.64 พร้อมทั้งลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนบัตรดอลลาร์ที่ออกโดยบริษัทจาก CCC+ เป็น CC-