เปิดกฎเหล็ก! ผู้นำโลก “ประชุมยูเอ็น” ต้องฉีดวัคซีนหรือไม่

ในช่วงที่โควิด-19 ยังเล่นงานทั่วโลกท่ามกลางการฉีดวัคซีนที่ยังเหลื่อมล้ำกันอยู่ระหว่างประเทศยากจนกับประเทศร่ำรวย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ครั้งที่ 76 ปีนี้ ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ รัฐสมาชิกสหประชาชาติราว 1 ใน 3 จากทั้งหมด 193 ประเทศมีแผนส่งคลิปวีดิโอแถลงการณ์ผู้นำมาร่วมงานในวันที่ 21 ก.ย.นี้แทน ที่เหลือ 2 ใน 3 ถ้าไม่ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องมาประชุมที่นิวยอร์ก

สิ่งที่ย้อนแย้งคือสหรัฐพยายามห้ามผู้นำทั้งหลายว่า ไม่จำเป็นก็อย่ามานิวยอร์ก ถ้ามาก็ให้นำคณะมาให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ยูเอ็นจีเอกลายเป็นงาน “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” แพร่โควิด-19 แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะแสดงสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมด้วยตนเอง ถือเป็นการเยือนยูเอ็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งประธานาธิบดี

อ่านข่าว : ผู้นำโลกร่วมประชุมยูเอ็นจีเอที่นิวยอร์กสัปดาห์นี้

ยูเอ็นใช้ระบบให้เกียรติกันหมายความว่า ใครก็ตามที่เข้ามายังหอประชุมใหญ่ เท่ากับว่าฉีดวัคซีนแล้วโดยไม่จำเป็นต้องแสดงใบรับรองใดๆ ซึ่งระบบนี้กำลังจะโดน “แหก” โดยผู้พูดคนแรก นั่นคือประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู จากบราซิล ผู้ไม่ไว้ใจวัคซีน แถมสัปดาห์ก่อนยังประกาศว่า เขาไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพราะมีภูมิคุ้มกันเรียบร้อยแล้วจากการติดโควิด

ก็ต้องลุ้นว่า ผู้นำบราซิลจะเปลี่ยนใจหรือไม่ เมื่อทางการนิวยอร์กซิตี้จัดรถตู้ไปจอดนอกสำนักงานยูเอ็นหนึ่งสัปดาห์ในช่วงที่ผู้นำกำลังประชุมกัน เพื่อตรวจโควิดให้ฟรี แถมด้วยฉีดวัคซีนชนิดหนึ่งเข็มจากจอห์นสันแอนด์จอห์สันให้ด้วย ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีเพราะฉีดเข็มเดียวก็กลับบ้านใครบ้านมัน ไม่ต้องมาฉีดเข็มสองอีก

ด้านอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า การถกกันเรื่องผู้ร่วมประชุมฉีดวัคซีนแล้วกี่คน “ยิ่งตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำด้านวัคซีนในทุกวันนี้” ซึ่งตัวเขาเองกำลังผลักดันแผนฉีดวัคซีนประชากรโลกให้ได้ 70% ภายใน 6 เดือนแรกของปีหน้า!!!

ปัจจุบันทั่วโลกฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้ว 5.7 พันล้านโดส แต่อยู่ในแอฟริกาเพียง 2% เท่านั้น วันพุธ (22 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐประธานาธิบดีไบเดนจึงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเสมือนแบบออนไลน์จากวอชิงตัน หารือกับเหล่าผู้นำประเทศและซีอีโอบริษัทต่างๆ ตั้งเป้าเพิ่มการกระจายวัคซีนทั่วโลก

มองอีกแง่หนึ่ง การประชุมครั้งนี้ราวกับประธานาธิบดีไบเดนจะบอกว่า ใครจะใช้การทูตวัคซีน แจกวัคซีนให้ใครก็ทำไปเถอะ สุดท้ายแล้วสหรัฐก็กลับมาเป็นผู้นำโลกในการจัดการวัคซีนอยู่ดี