แอมเนสตี้ประณามกลุ่มทุนซาอุฯฮุบทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
แอมเนสตี้ แถลงประณามกรณีกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย เข้าเทคโอเวอร์ทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ อย่างเป็นทางการในวงเงิน 305 ล้านปอนด์ โดยระบุว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเนื่องจากซาอุดีอาระเบียมีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ตลอดเวลากว่า 1ปีที่ผ่านมา กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก พยายามล็อบบี้บรรดาผู้บริหารสโมสรฟุตบอลในอังกฤษให้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการ พร้อมทั้งเตือนว่า การซื้อสโมสรเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของซาอุดิอาระเบียที่จะใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แถลงประณามจากแอมเนสตี้มีขึ้นหลังจากพรีเมียร์ลีก ประกาศยืนยันว่า กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย เข้าซื้อทีมฟุตบอลนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ โดยพรีเมียร์ลีก, สโมสรนิวคาสเซิล และ เซนต์ เจมส์ โฮลดิงส์ ลิมิเต็ด ได้ยุติข้อขัดแย้งในเรื่องของการเทคโอเวอร์สโมสร
"กลุ่มทุนพีไอเอฟ, พีซีพี แคปิตัล พาร์ทเนอร์ส และอาร์บี สปอร์ต แอนด์ มีเดีย หลังจากตรวจสอบความเหมาะสมในการเป็นเจ้าของทีมจากทางพรีเมียร์ลีก สโมสรถูกขายให้กลุ่มทุนโดยให้มีผลทันที"แถลงการณ์ระบุ
ขณะที่สื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า กลุ่มทุนพีไอเอฟ ที่มี โมฮาเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียเป็นประธาน ได้เข้าเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ของ ไมค์ แอชลีย์ ด้วยการซื้อหุ้นสโมสร 80% วงเงิน 305 ล้านปอนด์
ส่วนเดลี เมล์ เปิดเผยทรัพย์สินโดยรวมของกลุ่มทุนพีไอเอฟ ว่ามีมูลค่าสูงถึง 320,000 ล้านปอนด์ มากกว่า"ชีคห์ มานซูร์" เจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีทรัพย์สินรวม 23,200 ล้านปอนด์ และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลกหลายเท่าตัว ทั้งยังมั่งคั่งกว่า"นาสเซอร์ อัล เคไลฟี" เจ้าของทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง 5 เท่าตัว และหากเทียบกับ"โรมัน อับราโมวิช "มหาเศรษฐีรัสเซียที่มีทรัพย์สิน 10,000 ล้านปอนด์ถือว่ารวยกว่าถึง 30 เท่าตัว
ทั้งนี้ กลุ่มทุนพีไอเอฟ ต้องการเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิล มาตั้งแต่ช่วง 18 เดือนก่อน แต่ซาอุดีอาระเบีย มีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกแต่ตอนนี้ข้อพิพาทดังกล่าวยุติลงแล้ว