‘บิตคอยน์’บวกกว่า2%เคลื่อนไหวที่ 57,000 ดอลล์

การปรับตัวขึ้นของราคาบิตคอยน์มีขึ้นหลังจากแคมบริดจ์ เซนเตอร์ ฟอร์ อัลเทอร์เนทีฟ ไฟแนนซ์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ(13ต.ค.)ว่า ขณะนี้สหรัฐกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับนักขุดเหมืองบิตคอยน์ไปแล้ว ถือว่าสหรัฐก้าวขึ้นมาแทนที่จีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก 

โดยหนึ่งในสาม หรือ 35.4% ของ hashrate ของบิตคอยน์อยู่ในสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 428% จากเดือนก.ย.ปี 2563

ทั้งนี้ hashrate คืออัตรากำลังการคำนวณที่นักขุดใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรมบนบิตคอยน์ บล็อกเชน

การเปิดเผยของแคมบริดจ์ เซนเตอร์ ฟอร์ อัลเทอร์เนทีฟ ไฟแนนซ์ มีขึ้นหลังจากเมื่อปลายเดือนก.ย. เว็บไซต์โกลบอลไทม์ส และรอยเตอร์ส รายงานว่า ธนาคารกลางจีน ประกาศว่า คริปโตเคอร์เรนซี หรือเหรียญดิจิทัลทุกชนิด รวมทั้ง บิตคอยน์ อีเธอเรียม และเทเธอร์ เป็นสกุลเงินผิดกฎหมาย ไม่สามารถใช้หมุนเวียนทางการเงิน และไม่มีอำนาจซื้อหรือใช้ชำระหนี้ทางกฎหมาย จึงห้ามขุดและทำธุรกรรมทุกประเภท

นอกจากนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลทุกชนิด รวมทั้งผู้ให้บริการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลผ่านทางอินเทอร์เน็ต ก็ถือว่าผิดกฎหมายทั้งหมด โดยหน่วยงานของรัฐบาลจีน 10 แห่ง รวมทั้งธนาคารกลาง การเงิน หลักทรัพย์ และหน่วยงานกำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผนึกกำลังกันปราบปรามคริปโตเคอร์เรนซีอย่างจริงจัง ผู้ที่กระทำความผิดจะถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีทางกฎหมาย

“รัฐบาลจะปราบปรามการเก็งกำไรสกุลเงินดิจิทัลอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องทรัพย์สินของประชาชน และรักษาระเบียบทางเศรษฐกิจ การเงิน และสังคม” ธนาคารกลางจีน ระบุ

รายงานระบุด้วยว่า การขุดบิตคอยน์มากถึง 3 ใน 4 ของโลกเกิดขึ้นในจีน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาล และพลังงานที่ผลิตโดยโรงงานถ่านหิน มีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศอย่างมาก

โดยเฉพาะเหมืองบิตคอยน์ในมณฑลเสฉวน ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในจีน ก็ถูกสั่งปิดไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ขณะที่นักขุดจำนวนมากพากันย้ายไปต่างประเทศ