“มาโกะ โคมุโระ” อดีตเจ้าหญิงมาโกะกับรักนี้ที่ต้องแลก
เอ่ยชื่อ “มาโกะ โคมุโระ” หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย เพราะเธอเพิ่งเปลี่ยนชีวิตจากเจ้าหญิงสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นมาเป็นสามัญชนหลังแต่งงานกับเคอิ โคมุโระ หวานใจวัยเรียนสมัยมหาวิทยาลัยเมื่อไม่กี่วันก่อน
กว่าจะมีวันนี้ได้อดีตเจ้าหญิงต้องเผชิญความยากลำบากทั้งกายและใจเพื่อให้สมหวังในรัก
เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (26 ต.ค.) สำนักพระราชวังอิมพีเรียลเผยแพร่แถลงการณ์ว่า เจ้าหญิงมาโกะ แห่งอากิชิโนะ พระชันษา 30 ปี พระธิดาในเจ้าชายฟุมิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร และเจ้าหญิงคิโกะ มกุฎราชกุมารี ทรงสมรสกับเคอิ โคมุโระ วัย 30 ปี หลังจากหมั้นหมายกันเมื่อปี 2560
อดีตเจ้าหญิงมาโกะเป็นพระภาติยะในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ผู้ทรงครองราชย์ในปี 2562 เป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ของยุค “เรวะ” หลังจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชบิดาทรงสละราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศที่สืบย้อนไปได้ถึงกว่า 2,600 ปี เชื่อกันว่าราชวงศ์ญี่ปุ่นสืบเชื้อสายมาจาก “อามาเตราซุ” เทพีแห่งดวงอาทิตย์ในตำนาน
ในยุคปัจจุบันแม้สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ พระชนมพรรษา 61 พรรษาไม่ทรงมีอำนาจทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ กระนั้นสถานะของราชวงศ์ยังเป็นเรื่องที่อ่อนไหวในสังคม ราชวงศ์เองก็เจอแรงกดดันอย่างหนักให้ต้องปฏิบัติตามประเพณีและมีพฤติกรรมตามมาตรฐานอันเข้มงวด ดังนั้นไม่ว่าสมาชิกราชวงศ์จะทำสิ่งใดต้องถูกตรวจสอบใกล้ชิด อย่างกรณีของมาโกะ ที่ประกาศข่าวหมั้นหมายกับเคอิ ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน แต่เพิ่งจะได้แต่งงานกันเมื่อไม่กี่วันนี้ เพราะฝ่ายชายมีเรื่องฉาวเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์หัวสีด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า มารดาของเคอิยืมเงินอดีตคู่หมั้น 4 ล้านเยน (35,000 ดอลลาร์) แล้วไม่คืน ข่าวนี้ทำเอามาโกะต้องเจ็บป่วยด้วยอาการพีทีเอสดี หรือสภาวะป่วยทางจิตใจหลังจากต้องเผชิญกับเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง
นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้คู่บ่าวสาวไม่จัดพิธีวิวาห์ตามธรรมเนียม อีกทั้งมาโกะยังไม่รับเงินขวัญถุง 153 ล้านเยน (ราว 39 ล้านบาท) ที่มอบให้สมาชิกราชวงศ์หญิง ผู้ต้องสละฐานันดรศักดิ์เมื่อแต่งงานกับสามัญชนด้วย นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคหลังสงครามที่เชื้อพระวงศ์เสกสมรสโดยไม่มีพิธีอลังการตามประเพณี
“สำหรับดิฉัน ไม่มีใครทดแทนเคอิได้ การแต่งงานของเราเป็นขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อปกป้องหัวใจของเรา ดิฉันกลัว รู้สึกเศร้า และเจ็บปวดทุกครั้งที่ข่าวปล่อยฝ่ายเดียวกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอย่างไม่น่าจะเป็น” มาโกะกล่าวระหว่างอ่านแถลงการณ์บ่าวสาวในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
นับตั้งแต่ประกาศข่าวหมั้นในปี 2560 มาโกะกับเคอิก็เจอแต่ข่าวฉาวในหนังสือพิมพ์หัวสี และเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์กล่าวหาว่าครอบครัวเคอิถังแตก เป็นเหตุให้งานวิวาห์ต้องเลื่อนไปนานมาก
เมื่อแรงกดดันหนักขึ้นถึงขนาดต้องเลื่อนงานแต่ง เคอิจึงย้ายไปเรียนกฎหมายที่สหรัฐเมื่อปี 2561 ซึ่งถูกมองว่า เป็นการย้ายไปเพื่อลดกระแสวิจารณ์ด้านลบ
เรื่องนี้มาโกะเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า เธอสนับสนุนให้เคอิ “ออกไปใช้ชีวิตในต่างแดน” ทั้งคู่มีแผนย้ายไปใช้ชีวิตในสหรัฐเพราะเคอิทำงานในบริษัทกฎหมายที่นั่น แผนการนี้ถูกเปรียบเทียบกับเจ้าชายแฮร์รีแห่งอังกฤษกับชายาเมแกน มาร์เคิล ที่ถูกสื่อวิจารณ์หนักจนต้องย้ายประเทศ
แต่การแต่งงานของทั้งคู่พิสูจน์แล้วว่าสุดท้ายความรักก็ชนะทุกสิ่ง
“ผมรักมาโกะ เรามีแค่ชีวิตเดียว ผมจึงอยากใช้ชีวิตกับคนที่ผมรัก ผมเสียใจมากที่มาโกะต้องทุกข์กายทุกข์ใจเพราะข้อกล่าวหาบิดเบือน” เจ้าบ่าวหมาดๆ เผยความรู้สึก
ไม่ใช่มาโกะคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเจ็บป่วยจากความเครียด เชื้อพระวงศ์หญิงองค์อื่นทรงเคยประสบมาแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่ออภิเษกสมรสเข้าร่วมราชวงศ์ เริ่มต้นจากสมเด็จพระจักรพรรดินีหลวงมิชิโกะ พระราชมารดาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ สามัญชนคนแรกที่ได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ พระองค์ทรงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพวกสุดโต่งและเสียงนินทาจากสื่อหัวสีโดยเฉพาะช่วงแรกๆ หลังชีวิตสมรส พระองค์ทรงเครียดถึงขนาดพระสุรเสียงหายนานหลายเดือน และปวดพระนาภีเพราะความเครียด
องค์ต่อมาคือสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ อดีตนักการทูตอนาคตไกล ทรงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมานานหลายปี ผู้ติดตามราชวงศ์หลายคนกล่าวโทษว่า พระองค์ทรงเครียดจากแรงกดดันให้มีทายาทชาย พระองค์และสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงมีพระธิดาพระองค์เดียวคือเจ้าหญิงไอโกะ พระชนมายุ 19 พรรษา
สำหรับคู่รักมาโกะ-เคอิ แม้มีรายงานข่าวเชิงลบและการประท้วงเล็กๆ ต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้ แต่หนังสือพิมพ์รายวัน “โยมิอุริ ชิมบุน” สำรวจความคิดเห็นพบว่า ผู้ให้ข้อมูลกว่าครึ่งมองว่าการแต่งงานเป็นเรื่องดี
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอมีความสุข” มาจิโกะ โยชิโมโตะ ชาวกรุงโตเกียววัย 60 เศษ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
ขณะที่ชิเกฮิโร ฮาชิโมโตะ วัย 54 ปี ระบุ “จะดีกว่านี้ถ้ามีบรรยากาศของความรื่นเริง แทนที่จะเป็นสถานการณ์อันยากลำบากที่ชวนโศกเศร้าเสียใจ”
ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามาโกะจะทำงานหรือไม่ แต่เธอก็โปรไฟล์ดีจบการศึกษาด้านมรดกวัฒนธรรมและศิลปะจากมหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียนในกรุงโตเกียว จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ในอังกฤษ
ประเด็นต่อเนื่องจากการสละฐานันดรศักดิ์ของอดีตเจ้าหญิงมาโกะคือ บัลลังก์ญี่ปุ่นสืบทอดกันเฉพาะเชื้อพระวงศ์ชายเท่านั้น ลูกของราชวงศ์ฝ่ายหญิงที่แต่งงานไปกับสามัญชนไม่อยู่ในสายสืบราชบัลลังก์ ระยะหลังมีการพูดคุยกันมากเรื่องการเปลี่ยนกฎ เมื่อเดือน ก.ค.คณะกรรมการรัฐบาลได้รวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้ รวมถึงข้อเสนอให้เชื้อพระวงศ์หญิงยังเป็นสมาชิกราชวงศ์แม้แต่งงานแล้ว
แม้ผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่า สาธารณชนเห็นด้วยอย่างมากให้ผู้หญิงสืบบัลลังก์ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงน่าจะเป็นไปได้ช้า เพราะฝ่ายเคร่งจารีตคัดค้านอย่างรุนแรง