ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสินค้าเรือธงชิเซโด้

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสินค้าเรือธงชิเซโด้

ซีอีโอชิเซโด้ บริษัทเครื่องสำอางชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น เผยกลยุทธทางธุรกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19ในเวทีนิกเคอิ ฟอรัม ว่าด้วยการบริหารจัดการธุรกิจทั่วโลก ว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูง

“มาซาฮิโกะ อูโอทานิ”ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)ชิเซโด้ บริษัทเครื่องสำอางชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น เผยกลยุทธทางธุรกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19ในเวทีนิกเคอิ ฟอรัม ว่าด้วยการบริหารจัดการธุรกิจทั่วโลก ว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูงแม้หลายประเทศยังคงต้องรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายเครื่องสำอาง

สิ่งที่ทำให้ซีอีโอชิเซโด้มั่นใจเกี่ยวกับอนาคตธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณเพราะมองว่าไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเลวร้ายหรืออยู่ในภาวะวิกฤตแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “ผู้หญิงไม่เคยหยุดสวย” เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกค้ากลุ่มสุภาพสตรี แถมทุกวันนี้ การดูแลผิวพรรณไม่ได้จำกัดวงแค่ลูกค้ากลุ่มผู้หญิงเท่านั้น  ผู้ชายก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพผิวไม่แพ้ผู้หญิงเหมือนกัน
 

อูโอทานิ บอกว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์แค่ 3 ประเภทหลักๆคือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางและน้ำหอม และคาดการณ์ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในเอเชียจะฟื้นตัวภายในปี 2566 ที่กิจกรรมทางธุรกิจและเศรษฐกิจกลับมาคึกคักอีกครั้ง

“ชิเซโด้ได้ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลผิวมานานกว่า 100 ปี และเชื่อว่าการนำเครื่องสำอางดูแลผิวพรรณมาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆอาจจะเปิดโอกาสใหม่ๆให้แก่บริษัท รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น อาหาร คุณภาพการนอนหลับพักผ่อนและความเครียดว่ามีความสัมพันธ์กับสุขภาพผิวอย่างไร”ซีอีโอ ชิเซโด้ กล่าว

อูโอทานิ บอกว่า ตอนนี้ทีมงานระดับภูมิภาคของบริษัทมีแนวคิดที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจและโดยส่วนตัวแล้วเขาอยากให้พนักงานทุกคนช่วยกันออกความเห็นเพื่อผลักดันให้ชิเซโด้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทด้านการดูแลผิวพรรณอันดับ1ของโลกภายในปี 2573

 ด้านยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางสำหรับตลาดบนทั่วโลกจะมีมูลค่า 163,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 19.3% จากปี 2562 และสำหรับภูมิภาคเอเชีย คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 49.8%

 นอกจากจะเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นหลักแล้ว  ชิเซโด้ยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลผิวพรรณในชื่อ "INRYU"ในตลาดจีนประมาณเดือนมี.ค.ปีหน้า หลังจากวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ในตลาดญี่ปุ่นในเดือนม.ค.แล้ว

 INRYU ผลิตโดยไชนา บิสสิเนส อินโนเวชัน แอนด์ อินเวสต์เมนท์ ออฟฟิศ(ซีบีไอ)หน่วยงานในเครือชิเซโด้มีฐานดำเนินงานอยู่ในเซี่ยงไฮ้ โดยซีบีไอ ซึ่งทำการวิจัยตลาดในจีนเป็นระยะๆ มีความมั่นใจในตลาดจีนที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและผิวพรรณมากขึ่้น

"ทุกวันนี้ผู้บริโภคในจีนจำนวนมากให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงามกันมากขึ้น โดยเฉพาะความงามจากภายใน ที่ครอบคลุมถึงวิธีการต่างๆ เช่น ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการนอนเพื่อให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น รวมทั้งการเอาใจใส่ผิวพรรณมากขึ้น"โฆษกชิเซโด้ กล่าว

ด้าน“แกรนด์ วิว รีเสิร์ช”รายงานว่า ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วโลกมีมูลค่า 140,000 ล้านดอลลาร์และคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะขยายตัว 8.6%ปีต่อปีไปจนถึงปี 2571 

ปัจจุบัน จีน เป็นตลาดผู้บริโภคเครื่องสำอางใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐและมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของการเติบโตทั่วโลก คาดว่าภายในปี 2568 ขนาดของตลาดเครื่องสำอางของจีนจะสูงถึง 500,000 ล้านหยวน และปริมาณการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์จะสูงถึง 50% 

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า  การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ฉุดยอดขายปลีกเครื่องสำอางของจีนในไตรมาสแรกอย่างมาก

โดยในเดือนม.ค.-ก.พ.ยอดขายเครื่องสำอางในตลาดจีนลดลง 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น โดยตลอดทั้งปี 2563 ยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมีมูลค่า 340,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม “ฮิโรชิ ซาจิ” นักวิเคราะห์จากมิซูโฮะ ซิเคียวริตี้ส์ มีความเห็นว่า การเน้นทำกำไรเป็นตัวแปรบวกในการดำเนินธุรกิจระยะสั้นแต่การพึ่งพารายได้จากผู้บริโภคจีนอย่างเดียวก็เป็นสิ่งที่เสี่ยงเกินไป ชิเซโด้ จำเป็นต้องมองตลาดอื่นๆเป็นแหล่งสร้างรายได้และผลกำไรไว้ด้วย