“นายกฯออสเตรีย” ขู่ล็อกดาวน์ คนไม่ฉีดวัคซีนโควิด

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีออสเตรียเรียกอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศว่า “อยู่ในระดับต่ำอย่างน่าอับอาย” และบอกเป็นนัยว่า มาตรการนี้จะเริ่มดำเนินการภายในไม่กี่วัน พร้อมย้ำว่า ตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนที่น้อยจนเป็นเรื่องน่าละอายมาก ขณะที่เรามีวัคซีนเพียงพอ

นายกรัฐมนตรีออสเตรียออกมาเตือน ท่ามกลางการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และกระจายไปทั่วยุโรปตอนกลาง โดยมีรายงานว่า เนเธนแลนด์ประกาศปิดเมืองบางส่วนเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ในเย็นวันศุกร์ (12 พ.ย.) โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เปิดเผยว่า ผู้ป่วยที่นั่น กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 

มาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธนแลนด์ ได้ประกาศมาตรการโควิด-19 ครั้งใหม่ทางสถานีโทรทัศน์แล้ว โดยออกคำสั่งให้ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าปลีกที่ไม่จำเป็นต้องปิดก่อนกำหนด และบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกครั้ง โดยรูทท์ชี้ว่า ไวรัสมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และจำเป็นต้องต่อสู้

ส่วนนอร์เวย์ ยังได้ประกาศมาตรการใหม่ในวันศุกร์ ขณะที่ประชาชนในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี กำลังเตรียมการสำหรับข้อจำกัดใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์นี้ (15 พ.ย.) 

เมื่อเดือนกันยายน รัฐบาลออสเตรีย เตรียมแผนไว้ว่า ชาวออสเตรียที่ไม่ได้รับวัคซีนจะต้องเผชิญกับคำสั่งให้อยู่บ้าน เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 ครองเตียงผู้ป่วยหนัก 30% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 21% จากข้อมูลของหน่วยงานด้านสุขภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของออสเตรีย (AGES)

ภายใต้แผนการนี้ ผู้ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะถูกจำกัดไม่ให้เข้าสถานบันเทิง ร้านอาหาร ช่างทำผม และสถานที่สาธารณะอื่นๆ หากมีการประกาศใช้มาตรการใหม่ และผู้ไม่ฉีดวัคซีนจะถูกสั่งให้อยู่บ้าน ยกเว้นด้วยเหตุผลบางประการ

ปัจจุบัน ชาวออสเตรียประมาณ 65% ของประชากรทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส แต่ก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราฉีดวัคซีนต่ำในสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีออสเตรีย กล่าวด้วยว่า การจำกัดพื้นที่ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนโควิด หมายความว่า คนเหล่านี้จะไม่สามารถออกจากบ้านได้เว้นแต่ไปทำงาน ซื้อของที่จำเป็น โดยพวกเขาต้องกลับไปอยู่ในมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนกับปี 2563 เว้นแต่คนฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ก็สามารถใช้ชีวิตปกติ