ผลวิจัยชี้จีนปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงครั้งแรกหลังศก.ฟื้นจากโควิด
ผลวิจัยล่าสุดของฟินแลนด์เผยว่า จีนปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเป็นครั้งแรกหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 ในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะการหยุดชะงักในภาคอสังหาริมทรัพย์และการขาดแคลนพลังงานถ่านหิน
"ลอรี มิลลีเวอร์ตา" หัวหน้านักวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยด้านพลังงานและอากาศสะอาด (Centre for Research on Energy and Clean Air: CREA) ในกรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์เผยว่า จีนมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงราว 0.5% ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก
"การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงอาจเป็นจุดเปลี่ยนและเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ปริมาณสูงสุดในจีน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงปีต่อจากนี้ตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดก่อนถึงปี 2573" มิลลีเวอร์ตากล่าวในรายงานที่ตีพิมพ์ในเว็บไซต์คาร์บอน บรีฟ วันพฤหัสบดี(25พ.ย.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหนือความคาดหมาย หลังจีนปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 และกลับมาดำเนินกิจกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมหนักอย่างเต็มรูปแบบ