ทั่วโลกลุ้นพรุ่งนี้ยาโมลนูพิราเวียร์ผ่านด่านแรกของเอฟดีเอ
คณะกรรมการที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) จะจัดการประชุมในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) เพื่อหารือกันว่าจะให้การอนุมัติสำหรับการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ในการรักษาโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่
คณะกรรมการที่ปรึกษาของเอฟดีเอดังกล่าวจะทำการพิจารณาว่ายาโมลนูพิราเวียร์มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์เป็นยาที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยในการรักษาโรคโควิด-19 สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางหรือไม่ ก่อนที่จะทำรายงานเสนอความเห็นแก่เอฟดีเอ
หากคณะกรรมการที่ปรึกษาของเอฟดีเอ ให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉิน ก็จะเป็นการปูทางให้เอฟดีเอ ทำการอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนธ.ค.
โดยเอฟดีเอมักมีมติสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาดังกล่าว แม้ว่าโดยหลักการแล้วเอฟดีเอไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามคำแนะนำของคณะกรรมการที่ปรึกษา
ในช่วงที่ผ่านมา เอฟดีเอให้การอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์, โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษาดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ อังกฤษนับเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์อย่างเป็นทางการ โดยสำนักงานควบคุมกฎระเบียบยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของอังกฤษ (เอ็มเอชอาร์เอ) ได้ให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์สำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ยา 1 คอร์สของเมอร์คประกอบด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้งๆละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน