ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 35 จุดนักลงทุนเทขายทำกำไร

ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 35 จุดนักลงทุนเทขายทำกำไร

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ(8ธ.ค.)ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 35 จุด โดยนักลงทุนส่งคำสั่งขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 35.32 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 35,754.75 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.3%  ปิดที่ 4,701.21 จุดและดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 15,786.99 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อวันอังคาร(7ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่ดัชนีแนสแด็กทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในสัปดาห์นี้ทำให้ทั้ง 3 ดัชนีหลักของตลาดใกล้ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีดาวโจนส์อยู่ห่างจากระดับ all time high เพียง 2.3% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กอยู่ห่างราว 1.2% และ 3.2% ตามลำดับ

 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากในช่วงแรก ขานรับข่าวดีของวัคซีนบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทคในการต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทคออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคจำนวน 3 โดสมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

"ถึงแม้การฉีดวัคซีน 2 เข็มช่วยป้องกันอาการรุนแรงของโรคที่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แต่ข้อมูลในเบื้องต้นบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานมากขึ้น ซึ่งข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ตามด้วยเข็มกระตุ้นยังคงเป็นแนวทางดีที่สุดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19" แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ ผลการทดลองในเบื้องต้นบ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของแอนติบอดีได้ถึง 25 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ได้ลดความสามารถในการต่อสู้ของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนลงเหลือเท่ากับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานด้วยการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม

ไฟเซอร์และไบออนเทค เปิดเผยว่า ทางบริษัทสามารถพัฒนาและจำหน่ายวัคซีนสูตรพิเศษที่สามารถต้านสายพันธุ์โอมิครอนได้ภายในเดือนมี.ค.2565

นายมาร์โก โคลาโนวิช หัวหน้านักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า นักลงทุนสามารถเชื่อมั่นในการดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในรอบนี้

"ตลาดตื่นตระหนกจนเกินเหตุเมื่อได้ทรุดตัวลงในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า หลังมีข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยนักลงทุนแห่เทขายหุ้นอย่างรวดเร็วจากข่าวซึ่งเชื่อถือไม่ได้ และขณะนี้ตลาดก็ได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว" นายโคลาโนวิชกล่าว

นายโคลาโนวิชออกรายงานระบุว่า ไวรัสโควิด-19 จะยุติการแพร่ระบาดในปี 2565 และเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปีดังกล่าว ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 จะพุ่งขึ้นเกือบ 8% สู่ระดับ 5,050 จุด และตลาดหุ้นเกิดใหม่ทะยานขึ้น 18% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวแตะ 2.25% ในช่วงสิ้นปี

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนีซีพีไอเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย