“ดอน” ไขเบื้องหลังฟื้นสัมพันธ์ไทย - ซาอุฯ ห่างหาย 30 ปี
"ดอน ปรมัตถ์วินัย" เล่าเบื้องหลังนำไปสู่การพบปะผู้นำไทย - ซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี คาดจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตจากสองประเทศ กลับมาประจำการเป็นปกติในเร็วนี้
นายดอน ปรมัถต์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะระหว่างวันที่ 25-26 มกราคมนี้ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ 2 ประเทศให้กลับสู่ปกติว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการทำงานที่ใช้เวลาต่อเนื่องมา 6 ปี นับตั้งแต่ที่ได้มีการหารือ 3 ฝ่ายในระหว่างประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2559 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัลเคาะลีฟะฮ์ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรบาห์เรน และนายอาดิล บิน อะหมัด อัลณูบีร รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียในขณะนั้น
“เป็นงานที่ท่านนายกฯเอาใจใส่และติดตามมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พยายามวางพื้นฐานจนได้ผลลัพธ์อย่างที่เห็น ถ้าท่านไม่ใส่ใจก็ไม่มาถึงวันนี้ ที่มีการเชิญไปเยือนเพื่อปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องง่าย จากที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ชะงักงันไป 30 กว่าปี วันที่ 25 มกราคมนี้ จึงถือว่าเป็นนิมิตใหม่ และท่านนายกฯเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้”นายดอนกล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้ซาอุดีอาระเบียไม่ได้ติดใจในประเด็นใดแล้วใช่หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า เราคุยกันเยอะมาก แต่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ในขณะนี้มันไม่เป็นประโยชน์ เราจะก้าวข้ามอดีตไป ไม่มาพูดถึงเรื่องในอดีตแล้ว เพราะมันได้รับการดูแลและจัดการไปจนถึงขั้นที่พอใจกัน ต่อไปมันต้องข้ามจุดนี้ไปพูดถึงเรื่องอนาคต ในระหว่างที่ท่านนายกฯเดินทางไปเยือน ก็จะมีการพูดคุยว่าเราจะเดินหน้าความสัมพันธ์ไปในทิศทางไหนและทำอะไรร่วมกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันในวันนี้ ทั้งสองประเทศจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตมารับหน้าที่เลยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามมา ทุกอย่างต้องเดินไปตามขั้นตอน ซึ่งถือเป็นประโยชน์กับสองฝ่ายทั้งต่อประชาชนและประเทศชาติ