วัดขุมกำลัง ‘สหรัฐ-รัสเซีย’ ในวิกฤติยูเครน
ความตึงเครียดระหว่างพันธมิตรตะวันตกนำโดยสหรัฐกับรัสเซียกรณียูเครนเพิ่มขึ้นทุกขณะ ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเตือนว่า รัสเซียส่งทหารไปประชิดชายแดนเพิ่มขึ้นและอาจเปิดการบุกเมื่อใดก็ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันศุกร์ (11 ก.พ.) ที่นครเมลเบิร์นของออสเตรเลีย ขณะมาประชุม รมว.ต่างประเทศของกลุ่ม Quad ว่า รัฐบาลวอชิงตันเดินหน้าลดขนาดภารกิจสถานทูตในยูเครน พร้อมเรียกร้องให้พลเมืองอเมริกันออกจากยูเครนทันที
“เหตุผลคือ เราเห็นสัญญาณมาตลอดว่าปัญหารัสเซียจะบานปลาย อย่างการที่กองกำลังชุดใหม่เข้ามาประชิดชายแดนยูเครน อย่างที่เคยบอกไปแล้ว โอกาสการบุกรุกเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ พูดให้ชัดคือรวมถึงช่วงโอลิมปิกด้วย” บลิงเคนระบุ ทั้งนี้ การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 20 ก.พ.
จับสัญญาณรัสเซีย
ด้านรัสเซียที่มีทหารกว่า 100,000 นายประชิดพรมแดนยูเครน ปฏิเสธข้อกล่าวหาของชาติตะวันตกมาโดยตลอด แต่ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินไปร่วมด้วยและได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จีนและรัสเซียประกาศการเป็นพันธมิตร “อย่างไม่จำกัด” ต่างฝ่ายต่างสนับสนุนซึ่งกันและกันต้านตะวันตกทั้งกรณีไต้หวันและยูเครน
รัฐบาลปักกิ่งสนับสนุนความต้องการของรัสเซียที่ว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ไม่ควรรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่รัฐบาลมอสโกไม่เห็นด้วยกับเอกราชของไต้หวันในทุกรูปแบบ
ประเมินขุมกำลังรัสเซีย-สหรัฐ
สัปดาห์ก่อนหน่วยข่าวกรองสหรัฐ ประเมินว่า รัสเซียเดินหน้ารวมกำลังพลครั้งใหญ่สำหรับการบุกเต็มรูปแบบราว 150,000 นายภายในกลางเดือน ก.พ.ซึ่งกำลังพลขนาดนี้สามารถยึดกรุงเคียฟของยูเครนได้ภายใน 48 ชั่วโมง การโจมตีจะสังหารพลเรือนมากถึง 50,000 คน ทหารยูเครน 25,000 นาย ทหารรัสเซีย 10,000 นาย ทำให้เกิดผู้ลี้ภัยถึง 5 ล้านคน ส่วนใหญ่จะเข้าสู่โปแลนด์
สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างแหล่งข่าวทางการสหรัฐผู้ร่วมประเมินขีดความสามารถของรัสเซีย เผยว่า ตัวบ่งชี้ทางการทหารของรัสเซีย เช่น ปกติรัสเซียจะฝึกซ้อมกองกำลังนิวเคลียร์ยุทธศาสตร์ในฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.) แต่ปีนี้ปรับมาเป็นกลางเดือน ก.พ.-ต.ค. ทางการสหรัฐจึงมองว่าเป็นไปได้ที่จะบุกยูเครน แม้แหล่งข่าวไม่ได้ฟันธงว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะเป็นชนวนไปสู่การใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่การฝึกของรัสเซียอาจมีการทดสอบยิงขีปนาวุธไม่ติดหัวรบในดินแดนรัสเซีย เพื่อเป็นการป้องปรามชาติตะวันตกไม่ให้เข้าแทรกแซงยูเครน
ท่าทีสหรัฐ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ แถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะไม่ส่งทหารสหรัฐเข้าไปทำสงครามในยูเครน กระนั้น เขาสั่งเพิ่มกำลังทหารทั้งบุคลากรในสำนักงานและกำลังรบไปยังโปแลนด์และโรมาเนีย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรนาโตว่ารัฐบาลวอชิงตันปฏิบัติตามสนธิสัญญาตอบโต้หากรัสเซียรุกเขตแดนนาโต
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ทหารสหรัฐ 1,700 นายจากจากกองพลร่มที่ 82 ของกองทัพบกสหรัฐในฐานทัพฟอร์ตบรัก รัฐนอร์ตแคโรไลนาถูกส่งไปยังโปแลนด์ และอีก 300 นายส่งไปยังเยอรมนี ส่วนทหารเดิม 1,000 นายในเยอรมนีย้ายไปประจำการที่โปแลนด์
อย่ามองข้ามเบลารุส
ด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นทุกขณะในยุโรปตะวันออกจึงไม่ควรมองข้ามเบลารุส ที่ไม่ได้มีพรมแดนติดกับยูเครนเท่านั้น แต่ยังติดกับสามประเทศสมาชิกนาโตด้วย ได้แก่ โปแลนด์ ลิทัวเนีย และลัตเวีย
เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) รัสเซียเคลื่อนรถถังเพื่อซ้อมรบกระสุนจริงในเบลารุส โดยชายแดนเบลารุสกับกรุงเคียฟของยูเครนห่างกันไม่ถึง 100 กิโลเมตร อีกทั้งประธานาธิบดีปูตินก็ดูสนิทสนมกับประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนกา ของเบลารุสมากขึ้น นอกจากนี้รัสเซียยังส่งเรือรบ 6 ลำล่องผ่านช่องแคบบอสพอรัส สำหรับซ้อมรบทางนาวีในทะเลดำ และทะเลอาซอฟที่อยู่ติดกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งเผยว่า เร็วๆ นี้รัฐบาลไบเดนอาจส่งทหารเข้าไปให้พันธมิตรนาโตในยุโรปตะวันออกอีกก็ได้