อังกฤษยกเลิกคุมการระบาดของโควิด-19 ทั่วประเทศ

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศวานนี้ (21 ก.พ.) ต่อรัฐสภาว่า รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจจะยุติการบังคับใช้มาตรการจำกัดต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งหมดที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ดำเนินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 รวมถึงการสั่งให้ผู้ติดเชื้อแยกตัวออกมาเฝ้าระวังอาการด้วย ทั้งนี้ การยกเลิกมาตรการจะมีผลในวันพฤหัสฯ (24 ก.พ.) 

คำประกาศของผู้นำอังกฤษซึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ (21 ก.พ.) เป็นสิ่งที่มีการคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังคงขอให้ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 หรือผู้ที่มีอาการต้องสงสัยทั้งหลาย เลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้านโดยสมัครใจต่อไป อย่างน้อยจนถึงวันที่ 1 เม.ย. นี้ ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลอังกฤษขอให้ผู้ป่วยทุกคนเริ่มแสดง “ความรับผิดชอบส่วนบุคคล” และเป็นวันที่รัฐบาลจะยุติการออกค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนด้วย

การประกาศยุติมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในอังกฤษครั้งนี้มีออกมา แม้จะมีรายงานข่าวการติดเชื้อโควิด-19 ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 องค์พระประมุขของประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็น “เครื่องเตือนใจ” สำหรับทุกคนว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 นั้นยังไม่สิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองฝ่ายค้านบางรายเตือนว่า การยกเลิกมาตรการทั้งหมดครั้งนี้อาจทำให้ความสามารถในการทดสอบการติดเชื้อและการติดตามตัวผู้ติดเชื้อหย่อนประสิทธิภาพลง และอาจส่งผลให้ระบบคุ้มกันของประเทศต่อการแพร่ระบาดของไวรัสอื่นๆ ในอนาคตอ่อนแอลงได้

ปัจจุบัน ประชากรวัยผู้ใหญ่ของอังกฤษมากกว่า 81% ได้รับวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิ แล้ว ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เริ่มลดลงด้วย หลังจากที่เคยพุ่งแรงท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน

ทั้งนี้ ยอดติดเชื้อใหม่โดยเฉลี่ยในรอบ 7 วันเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีจำนวนลดลงมาสู่ระดับต่ำกว่า 43,000 ราย จากที่เคยพุ่งไปอยู่ในระดับสูงสุดที่ราว ๆ 183,000 รายเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2565  

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสมกว่า 18.7 ล้านราย และยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด 161,148 ราย