ดาวโจนส์ร่วง 201 จุดหลังหุ้นโบอิ้งดิ่งหนักจากเหตุเครื่องบินตกในจีน

ดาวโจนส์ร่วง 201 จุดหลังหุ้นโบอิ้งดิ่งหนักจากเหตุเครื่องบินตกในจีน

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันจันทร์ (21 มี.ค.)ปรับตัวร่วงลง 201 จุด หลังราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 201.94 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 34,552.99 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 1.94 จุด หรือ 0.04%  ปิดที่ 4,461.18 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 55.38 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 13,838.46 จุด

ราคาหุ้นโบอิงร่วงลง 5.24% หลังจากเครื่องบินโบอิง 737 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนในช่วงบ่ายของวันจันทร์ โดยเครื่องบินดังกล่าวมีผู้โดยสารบนเครื่องทั้งหมด 132 คนซึ่งรวมถึงลูกเรือจำนวน 9 คน

ส่วนหุ้นสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ที่จดทะเบียนในสหรัฐ ร่วงลง 8.83% ขณะที่หุ้นเจเนอรัลอิเล็กทริก ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์ ปรับตัวลดลง 1.17%

บริษัทโบอิงกำลังร่วมมือกับสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส เพื่อรวบรวมข้อมูลหลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินตก ขณะที่สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยยังไม่พบสัญญาณที่บ่งชี้ว่ามีผู้รอดชีวิต

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุการตกของเที่ยวบิน MU5735 และเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์สได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดที่เกิดเครื่องบินตก และเปิดฮอทไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวของผู้โดยสารบนเครื่อง

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ขณะที่ข้อมูลของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีประชาชนประมาณ 3.4 ล้านคนหนีออกนอกยูเครนนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มการโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งผู้อพยพส่วนมากเป็นสตรีและเด็กที่หนีไปยังโปแลนด์ โดยคาดว่าจำนวนผู้อพยพอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 4 ล้านคน และแม้จำนวนผู้อพยพจะลดลงในช่วงไม่กี่วันมานี้ แต่ยังคงแตะ 50,000 คนต่อวัน

ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีรายงานข่าวว่า ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียตามรอยสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน