เปิดโรดแมพ ‘อินเดีย’ ฟื้นศก.ตั้งเป้า 5 ล้านล้านปี 68
อินเดียประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่า 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ นี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาตฺมนิรภร ภารต เป็นวลีภาษาฮินดีแปลว่า “อินเดียพึ่งตัวเองได้”
ในงานเฉลิมฉลองการเปิดตัวตราสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ทางการทูต อินเดีย-ไทย ครบรอบ 75 ปี กรุงเทพธุรกิจมีโอกาสพบปะกับ “สุจิตรา ทุไร” เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย ที่ได้เล่าถึงโรดแมพการฟื้นฟูเศรษฐกิจอินเดีย หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า อินเดียประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่า 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ นี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาตฺมนิรภร ภารต เป็นวลีภาษาฮินดีแปลว่า “อินเดียพึ่งตัวเองได้” (Atmanirbhar Bharat) ดังนั้นแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดนี้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียยังมีโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการผลิต (Production-Linked IncentiveScheme: PLI) ใช้จูงใจกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายฐานการผลิต นอกจากนี้ยังมีโครงการจัดหาอาหารฟรีให้กับประชาชน 700 - 800 ล้านคน นั่นหมายถึงประชาชนอินเดียจะได้รับข้าวสาลีหรือข้าวสารคนละ 5 กิโลกรัม รวมถึงถั่วเลนทิล น้ำมันพืช น้ำตาล และเกลือ โดยกระบวนการทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า คนอินเดียเป็นทั้งผู้ผลิต กิน และใช้เอง ตอกย้ำการมีชีวิตที่พึ่งพาตนเองแบบพอเพียง และยั่งยืน
"ดังนั้นในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่มีใครตกอยู่ในภาวะหิวโหย และโครงการนี้ดำเนินมากว่าสองปีและจะทำต่อไป นอกจากนี้ยังมีโครงการน้ำดื่มปลอดภัย และที่อยู่อาศัยไม่แพง ซึ่งจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับชาวอินเดียทุกคน" เอกอัครราชทูตอินเดียกล่าว
สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ก็มีสิ่งจูงใจมากมาย เช่น การยกเว้นดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีก่อนหน้านี้ และปัจจุบันมีโครงการปล่อยเงินกู้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ทั้งหมดนี้จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจกลับมาใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก
มาตรการข้างต้นได้ดำเนินไปพร้อมๆกับการพัฒนาตามแผนแม่บทแห่งชาติด้านการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ (Pradhan Mantri Gati Shakti National Master Plan) ซึ่งขับเคลื่อนโดย “เครื่องยนต์” หลัก 7 ด้าน ได้แก่ ถนน ทางรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ การขนส่งมวลชน การส่งขนทางน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ มีมูลค่าทั้งหมด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลอินเดียได้เปิดรับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งร่วมกัน
"รัฐบาลอินเดียมองว่า ถ้าประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เศรษฐกิจก็สามารถเติบโตได้จริงๆ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจอินเดียจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 9% ในปี 2565
" เอกอัครราชทูตอินเดียกล่าวและเสริมว่า ส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจของอินเดียทะลุเป้าในปี 2564 อยู่ที่ 80,000 ล้านดอลลาร์และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม จึงค่อนข้างมั่นใจว่า อินเดียจะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568
ปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์อินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก สะท้อนเศรษฐกิจเติบโตขึ้นจริงๆ จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนกับบริษัทของอินเดีย รวมถึงเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศ แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมา หน่วยงานทุกภาคส่วนของอินเดียต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อมีวันนี้่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินเดียกำลังกำหนดกรอบนโยบายให้กับภาคเอกชน ทั้งสองต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้มั่นใจว่า เศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้และมีการเติบโตที่ดีอย่างยั่งยืน
ในช่วงสองปีกว่าที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อินเดียประสบความสำเร็จในการจัดการและรับมือกับไวรัส แม้ครั้งนั้นการผลิตอุปกรณ์ป้องกันโควิดทุกชนิดในประเทศยังไม่เพียงพอทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันไวรัส (PPE)แต่เวลา 2 -3เดือน อินเดียเร่งการผลิตมากขึ้น จนตอนนี้สามารถส่งออกไปทั่วโลก นั่นหมายถึงอินเดียได้ขยายฐานการผลิตจนก้าวไปสู่ศูนย์กลางผลิตอุปกรณ์การแพทย์ระดับโลก
ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ออกมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลายด้าน โดยเฉพาะรณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโควิดรายใหญ่ที่สุดของโลก ในการผลิตวัคซีนโควิชิลด์เป็นชนิดเดียวกับวัคซีนแอสตราเซนเนก้า นอกจากนี้ภารัต ไบโอเทค หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพรายใหญ่ของอินเดียได้พัฒนาวัคซีนร่วมกับสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดียที่ชื่อโควาซิน ดังนั้นวัคซีนทั้งสองชนิดนี้นำไปฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศอินเดีย ตอนนี้ผู้คนมากกว่า 85% ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจากทั้งหมดที่กระจายไปทั่วประเทศ 1.8 พันล้านโดส
ขณะนี้เราได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับเด็กวัย 12 - 14 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้ได้ฉีดให้กับกลุ่มผู้ใหญ่จนถึงวัยรุ่น คิดว่าในไม่ช้าจะฉีดครอบคลุมเด็กเล็กทุกคนก็เพื่อ “ดูแลสุขภาพของคนอินเดีย” ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ
เอกอัครราชทูตอินเดีย กล่าวว่า ในส่วนความร่วมมือที่มีกับประเทศไทย ขณะนี้รัฐบาลอินเดียและรัฐบาลไทยกำลังหารือเพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการวิจัยทางการแพทย์ นอกจากนี้ อินเดียเสนอที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้พอร์ทัลดิจิทัลขั้นสูง ที่เรียกว่า "เทคโนโลยีโควิด-19" สำหรับการติดตาม การแจกจ่าย การออกใบรับรองที่เกี่ยวกับโควิด-19 ทุกอย่างเสร็จสรรพบนแพลตฟอร์มที่ขณะนี้มีผู้ใช้แล้วกว่า 1,380 ล้านคน
ในปีนี้ครบรอบความสัมพันธ์การทูตอินเดีย-ไทย ยังมีแผนจัดการแสดงทางวัฒนธรรมอีกมายมาย รวมทั้งการแสดงรามายณะ และนิทรรศการดิจิทัลที่ส่งตรงจากอินเดีย เพื่อให้ประชาชนไทยได้ร่วมชม นอกจากนี้ ทางสถานทูตฯ ยังได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง อย่างเมื่อเร็วๆนี้ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดงานสัมมนาในหัวข้อภูมิปัญญาอินเดียในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ขณะเดียวกันได้จัดทำโครงการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่ออนุรักษ์รำมโนราห์ของไทยที่คล้ายกับของอินเดีย โดยการแสดงนี้มีอิทธิพลต่อชาวอินเดียมาช้านาน
สถานทูตอินเดียฯยังได้ร่วมกับศูนย์อินเดียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แปลหนังสือของมหาตมะ คานธี บิดาแห่งชนชาติอินเดียได้บันทึกคัมภีร์ทางศาสนาชื่อภควัทคีตา (Bhagavad Gita) จากภาษาฮินดีมาเป็นภาษาไทยที่ทุกคนตั้งตารอเตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้