ดาวตลกชื่อดังใส่หมวกกันน็อคขึ้นเวทีแกรมมี่อะวอร์ดส์

เนท บาร์กาต์เซ (Nate Bargatze) นักแสดงตลกชื่อดังสวมหมวกกันน็อคขึ้นประกาศรางวัลแกรมมี่ อะวอร์ดส์ (Grammy Awards) ณ เมืองลาสเวกัส เมื่อวานนี้ พร้อมกับพูดติดตลกว่า เขาสวมหมวกกันหน็อคเพราะกลัวว่าจะถูกตบหากเล่นมุกขัดใจใคร ซึ่งเป็นการล้อเลียนกรณีที่วิลล์ สมิธ เดินขึ้นเวทีตบหน้าคริส ร็อค กลางงานประกาศรางวัลออสการ์จนเป็นกระแสโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ต

ระหว่างการประกาศรางวัลแกรมมี่ อะวอร์ดส์ เลอวาร์ เบอร์ตัน พิธีกรหลักของงานได้กล่าวว่า "ผมขอเตือนทุกคนนะครับว่า ผู้เชิญรางวัลคนต่อไปของเราเป็นดาวตลก เผื่อคุณจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ฉะนั้น ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า โปรดนั่งอยู่กับที่ และเก็บมือของตัวเองให้ดี"

เบอร์ตัน กล่าวแนะนำบาร์กาต์เซว่า เขาเป็นดาวตลกที่เดินสายแสดงโชว์ทั่วสหรัฐ และมีจุดขายในฐานะนักแสดงตลกที่เล่นมุกไร้ความหยาบคาย ดูได้ทั้งครอบครัว และวันนี้เขาประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งด้วยการได้รับเกียรติเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอัลบั้มตลกยอดเยี่ยม

หลังจากนั้น บาร์กาต์เซก็ปรากฎตัวขึ้นบนเวที พร้อมกับสวมหมวกกันน็อคไว้บนศีรษะ โดยเล่นมุกล้อเลียนว่า "มีคนบอกผมว่านักแสดงตลกต้องสวมใส่สิ่งนี้ในงานประกาศรางวัลช่วงที่ออกลีลาตบมุกบนเวที แต่หมวกนี่ก็ไม่ได้คลุมส่วนใบหน้าเท่าไร แถมผมว่ามันจะยิ่งทำให้คุณโฟกัสจุดที่ตบผมได้มากกว่าเดิม โอเค ผมถอดออกดีกว่า"

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ได้เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในช่วงครึ่งหลังของพิธีประกาศรางวัลออสการ์ เมื่อคริส ร็อค ใช้มุกตลกล้อเลียนทรงผมของจาดา พิงคิตต์ สมิธ ภรรยาของวิลล์ สมิธ ซึ่งทำให้วิลล์ สมิธ โกรธจัด ก่อนที่จะเดินขึ้นเวทีและตบหน้าคริส ร็อค และจากนั้นไม่ถึงชั่วโมง วิลล์ สมิธ ก็ได้ขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง King Richard และเขาได้กล่าวขอโทษคณะผู้จัดงานและผู้ร่วมงานทุกคน กระทั่งในวันถัดมา วิลล์ สมิธได้โพสต์ข้อความขอโทษคริส ร็อคอย่างเป็นทางการผ่านทางอินสตาแกรม

รายงานล่าสุดระบุว่า วิลล์ สมิธ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะและวิชาการด้านภาพยนตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences) ซึ่งเป็นผู้จัดงานออสการ์แล้ว พร้อมกับกล่าวว่า เขาจะยอมรับผลที่ตามมา เนื่องจากการกระทำของเขาในงานแจกรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 นั้นไม่อาจให้อภัยได้

ด้านสถาบันฯ ยอมรับการลาออกของวิลล์ สมิธแล้ว และจะยังคงดำเนินการเพื่อลงโทษทางวินัยกับวิลล์ สมิธต่อไปด้วย