ดาวโจนส์ปิดบวกในกรอบแคบ 87 จุดเหตุกังวลเจรจารัสเซีย-ยูเครนไม่คืบ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(7เม.ย.)ปรับตัวร่วงลงในกรอบแคบ 87 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)และการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ไม่มีความคืบหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 87.06 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 34,583.57 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.43% ปิดที่ 4,500.21 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 0.06% ปิดที่ 13,897.30 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ลบ 0.42% เมื่อวันพุธ(6เม.ย.) หลังรายงานการประชุมเดือนมี.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดสนับสนุนการปรับลดขนาดงบดุล และเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค. และสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 1-2 ครั้ง หากยังคงเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อ
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย. และอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 2.50-2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสูงกว่า 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กองทัพรัสเซียได้สังหารโหดต่อพลเรือนยูเครนในเมืองบูชา ได้ทำให้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความยากลำบากมากขึ้น
"เป็นเรื่องยากมากที่จะเจรจาต่อไป เมื่อคุณเห็นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ ซึ่งหากรัสเซียยิ่งถ่วงเวลาเจรจาออกไปนานเท่าใด สถานการณ์ก็จะเลวร้ายลงเท่านั้น เรารู้ว่าประชาชนถูกฆ่าและทรมานหลายพันคน รวมทั้งมีการฆ่าเด็ก และข่มขืนผู้หญิง เรากำลังสอบสวนเรื่องนี้ และจะแสดงให้สื่อมวลชนทั่วโลกได้เห็น" ปธน.เซเลนสกีกล่าว
ปธน.เซเลนสกีระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม และเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 166,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2511 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 ราย
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.52 ล้านราย