สรุปเหตุการณ์ “เซี่ยงไฮ้” โกลาหล! หลังล็อกดาวน์คุมโควิด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน "นครเซี่ยงไฮ้" ของประเทศจีนยังคงวิกฤติ จำนวนผู้ป่วยยังคงไม่ลดลง ขณะเดียวกันเริ่มเกิดการประท้วง และขโมยอาหาร หลังมีการล็อกดาวน์มากว่า 2 สัปดาห์
สถานการณ์การแพร่ระบาดทั้งหมด เริ่มต้นมาจากวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา มีหญิงวัย 56 ปีเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลถงจี (Tongji Hospital) ด้วยอาการไข้หวัด และได้รับการวินิจฉัยว่าติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ในวันที่ 1 มี.ค. กลายเป็นเคสแรกของจีนที่ติดเชื้อโควิดหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าหญิงคนดังกล่าวติดเชื้อโควิดแล้ว บุคคลใกล้ชิดกับเธออย่างน้อย 8 คนได้รับการยืนยันว่าติดโควิด ทำให้บางพื้นที่ในเซี่ยงไฮ้ เปลี่ยนระดับจากความเสี่ยงต่ำ เป็น ความเสี่ยงปานกลาง
แต่การระบาดครั้งใหญ่นี้คาดว่ามาจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามากักตัวในโรงแรม Huating ทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ในวันที่ 27 มี.ค. เพียงวันเดียวพบผู้ติดเชื้อสูงถึง 2,500 คน ทางการจีนได้ประกาศ ล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ เป็นเวลา 9 วัน เนื่องจากนครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 25 ล้านคน ทำให้ต้องแบ่งล็อกดาวน์เมือง โดย
- ช่วงแรกจะเป็นการล็อกดาวน์พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของเซี่ยงไฮ้ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ถึงวันที่ 1 เม.ย.
- ระยะที่สองเป็นการล็อกดาวน์ฝั่งตะวันตกในวันที่ 1-5 เม.ย.
ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ระบบขนส่งสาธารณะจะระงับการให้บริการ เช่นเดียวกับบริษัทรวมถึงโรงงานต่าง ๆ ที่จะต้องยุติการปฎิบัติงาน หรือต้องทำงานทางไกลแทน ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องปูพรมตรวจหาเชื้อกับ “ชาวเมืองเซี่ยงไฮ้” ทั้งหมด ตามนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์ของจีน”
ส่งผลให้ชาวเซี่ยงไฮ้ตื่นตระหนกประชาชนแห่ไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต และดันราคาผักพุ่งสูง ส่วนฝั่งตะวันออกที่ถูกล็อกดาวน์ก่อน ก็ไม่สามารถหาซื้อของมาเตรียมได้ทัน เนื่องจากทางการประกาศล็อกดาวน์แบบไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้ชาวเซี่ยงไฮ้ยังได้โพสต์ผ่านโซเชียลระบุว่า พวกเขาเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข และไม่ได้รับการรักษา รอเพียงเจ้าหน้าที่นำอาหารมาให้ อีกทั้งเวชภัณฑ์ยังไม่เพียงพอ
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน หน่วงงานสาธารณะสุขเซี่ยงไฮ้ใช้วิธีแยกผู้ใหญ่และเด็กที่ติดโควิดเข้าศูนย์กักตัวคนละแห่ง ทำให้เด็ก ๆ หลายคนต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ มีภาพและคลิปแชร์ว่อนโซเชียลมีเดียสร้างความเดือดดาลให้ประชาชน
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของเซี่ยงไฮ้ยืนยันว่า ต้องทำการแยกเด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปี ที่ติดเชื้อโควิด ไม่ให้อยู่บ้านหลังเดียวกับพ่อแม่ เพื่อนำตัวเด็กมารักษาตัวที่ศูนย์ดูแลผู้ติดโควิดของทางการ และหากเด็กคนไหนที่มีอายุมากกว่า 7 ปี ก็ต้องเข้ารับการกักตัวที่ทางการเตรียมไว้ให้ สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อแม่ที่ต้องถูกแยกออกจากลูกในช่วงเวลาที่นครเซี่ยงไฮ้กำลังอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด
ด้านสถานทูตและสถานกงสุลกว่า 30 ประเทศ รวมถึงสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ส่งจดหมายร้องเรียนไปยังกระทรวงการต่างประเทศของจีนเพื่อขอให้ทางการนครเซี่ยงไฮ้ระงับมาตรการแยกคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก
นอกจากนี้ ยังมีคนงานของหน่วยควบคุมโรคระบาดฆ่าสัตว์เลี้ยงของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าจะมีการล็อกดาวน์และปูพรมตรวจหาผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวดแล้ว แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางการจีนขยายการล็อกดาวน์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ชาวเมืองเริ่มขาดแคลนอาหาร เสบียงจากทางการไม่เพียงพอ ประชาชนเริ่มขัดขืนคำสั่งออกมานอกเคหสถาน รวมกลุ่มกันประท้วง พร้อมต่อว่าเจ้าหน้าที่และร้องเรียนว่าพวกเขากำลังจะอดตาย
อีกทั้ง บนสื่อโซเชียลของจีนมีการเผยแพร่คลิป ชาวเซี่ยงไฮ้พร้อมใจตะโกนแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ยังมีคลิปที่ชาวเมืองผู้หิวโหยบุกรุกเข้าไปขโมยอาหารและสิ่งของจำเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย ทำให้ชาวจีนในเมืองต่าง ๆ เริ่มกังวลว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับชาวเซี่ยงไฮ้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อใหม่ของเซี่ยงไฮ้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 26,087 คน แต่ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ในเมืองหยุดชะงักมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ทำให้ทางการนครเซี่ยงไฮ้ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดบางส่วนลงแล้วตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา
ด้วยการแบ่งเมืองออกเป็น 3 เขต คือ เขตล็อกดาวน์ คือ พื้นที่ที่ยังมีผู้ติดเชื้อและยังคงล็อกดาวน์ เขตควบคุม คือ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่นาน 1 สัปดาห์ และเขตป้องกัน คือ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่นานกว่า 2 สัปดาห์ โดยผู้ที่อยู่อาศัยในเขตป้องกัน จะสามารถทำกิจกรรมตามเหมาะสมได้ เช่น ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นบริเวณรอบที่พักอาศัยได้