ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 344 จุดขณะนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการบริษัท
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดวันพุธ(13เม.ย.)ปรับตัวขึ้น 344 จุด โดยนักลงทุนยังคงมีความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็จับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ ๆ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส ที่เพิ่งรายงานผลกำไรที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 344.23 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 34,564.59 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 49.14 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 4,446.59 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 272.01 จุด หรือ 2.03% ปิดที่ 13,643.59 จุด
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวลดลง 2.54% หลังประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรกในวันนี้ โดยมีกำไรลดลงถึง 42% เพราะวิกฤติยูเครนทำให้มีการทำข้อตกลงธุรกิจน้อยลง ขณะที่รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งก็ลดลงด้วย
รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจของธนาคารรายใหญ่ ๆ ชะลอตัวลงหลังรัสเซียบุกยูเครนเมื่อปลายเดือยก.พ.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อยังพุ่งสูงทำสถิติสูงสุดในรอบหลายทศวรรษด้วย ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
นอกเหนือจากเจพีมอร์แกน เชสแล้ว ยังมีธนาคารรายใหญ่ ๆ ของสหรัฐเตรียมรายงานผลประกอบการอีกหลายราย โดยซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก และโกลด์แมน แซคส์ จะรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา จะรายงานผลประกอบการในวันจันทร์หน้า
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 11.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งพุ่งทำสถิติสูงสุดเท่าที่เริ่มจัดทำดัชนีนี้มา ทั้งยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6%
เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ดัชนี PPI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1%
การรายงานดัชนี PPI มีขึ้นหลังกระทรวงฯ รายงานเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2524 และใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.4% โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในสหรัฐที่พุ่งขึ้น