เซี่ยงไฮ้ลงโทษหนัก คนฝ่าฝืนล็อกดาวน์
เซี่ยงไฮ้เตือนคนละเมิดกฎล็อกดาวน์คุมโควิดต้องเจอโทษหนัก พร้อมเชิญชวนประชาชนปกป้องเมือง ขณะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกรอบกว่า 25,000 คน
สำนักงานตำรวจเซี่ยงไฮ้แถลงวานนี้ (13 เม.ย.) ถึงข้อจำกัดคุมโควิด-19 ที่ชาวเซี่ยงไฮ้ต้องปฏิบัติตามเช่น รถที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานป้องกันโควิดหรือขนส่งประชาชนที่ต้องรับการรักษาด่วนห้ามออกมาวิ่ง ประชาชนที่ไม่พอใจเพราะต้องอยู่กับบ้านหาข้าวของประจำวันไม่ได้ห้ามเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือปลอมใบอนุญาตเดินทางหรือใบอนุญาตอื่นๆ พร้อมกันนั้นตำรวจขอให้ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งต้านโควิดและร่วมมือกันคว้าชัยชนะโดยเร็ว
“ใครก็ตามฝ่าฝืนประกาศที่แจ้งไว้จะต้องเจอโทษหนักตามกฎหมายจากหน่วยงานความมั่นคงสาธารณะ หากเป็นเหตุอาญาก็ต้องถูกสอบสวนตามกฎหมาย” แถลงการณ์สำนักงานตำรวจระบุ
ขณะนี้ เซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางการเงินของจีนกำลังถูกกดดันอย่างหนักให้พยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่สุดของจีนให้ได้
เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) เซี่ยงไฮ้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่แบบไม่แสดงอาการ 25,141 คน เพิ่มขึ้นจาก 22,348 คนในวันจันทร์ (11 เม.ย.) ส่วนผู้ติดเชื้อแบบมีอาการก็พุ่งขึ้นเป็น 1,189 คน จาก 994 คนในวันจันทร์
มาตรการป้องกันโควิดของเซี่ยงไฮ้ซึี่งสะท้อนถึงแนวทาง “โควิดเป็นศูนย์” อย่างเข้มงวดของจีนตั้งใจตัดวงจรการติดต่อ ส่งผลสะเทือนถึงเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์เตือนว่า แนวทางดังกล่าวไม่เพียงแค่ทำลายภาคการท่องเที่ยวและบริการเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงห่วงโซ่อุปทานในทุกภาคส่วน
“การล็อกดาวน์เป็นวงกว้างและกระชับข้อจำกัดโควิดเป็นศูนย์ในหลายเมืองรอบเซี่ยงไฮ้ เป็นเหตุให้อุปทานปั่นป่วนอย่างหนัก เนื่องจากการขนส่งและโลจิสติกส์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรง” เจียน ชาง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารบาร์เคลย์รายงาน
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า บริษัทไต้หวันอย่างน้อย 11 แห่งส่วนใหญ่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เผยวานนี้ (13 เม.ย.) ว่า กำลังระงับการผลิตเนื่องจากเกิดความติดขัดจากการควบคุมโควิดของจีน จางกล่าวว่า แรงกดดันด้านเศรษฐกิจและอุปทานมีแนวโน้มเร่งให้จีนออกจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์อย่างระมัดระวังและค่อยเป็นค่อยไป
ด้านกลุ่มสื่อไค่ซินรายงานอ้างแผนการรัฐบาลตามเอกสารที่ยังไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะว่า เซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในแปดเมืองที่เปิดตัวโครงการนำร่องเมื่อวันจันทร์ (11 เม.ย.) ลดข้อกำหนดกักตัวในศูนย์จาก 14 วันเหลือ 10 วัน รอยเตอร์สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รับคำตอบ
นายริชาร์ด มาร์ติน ที่ปรึกษาธุรกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทไอเอ็มเอ เอเชีย เผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ผลจากการล็อกดาวน์สกัดโควิดทำให้สินค้าจำนวนมากติดอยู่ในจีนขณะนี้ และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อเศรษฐกิจโลก
“ของหลายอย่างที่เราใช้กันทั่วโลกใช้ส่วนประกอบจากจีน เราจะได้เห็นปัญหาด้านโลจิสติกส์บั่นทอนทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี 2563 หรือ 2564 จีนคิดเป็น 20% ของความต้องการทั่วโลก แต่บทบาทด้านซัพพลายเชนของจีนมากกว่านั้นมาก" นายมาร์ตินกล่าว