SC รุกธุรกิจใหม่ภายใต้“เอสซี เอเบิล (SC Able)”
![SC รุกธุรกิจใหม่ภายใต้“เอสซี เอเบิล (SC Able)”](https://image.bangkokbiznews.com/image/kt/media/image/advertorial/2017/05/27/420/750x422_420_1495845687.png?x-image-process=style/LG)
SC รุกธุรกิจใหม่ภายใต้“เอสซี เอเบิล (SC Able)” มุ่งบริการหลังการขายเรื่องซ่อมและสอน
พร้อมร่วมทุน “ฟิกซิ (Fixzy)” แอพฯ รวมช่างอันดับหนึ่งของไทย ต่อยอดธุรกิจครบวงจร
เพื่อการเติบโตยั่งยืนทั้งปริมาณและคุณภาพ ตามแผนธุรกิจที่ตั้งเป้ารายได้สองหมื่นล้านในปี 2562 เอสซี แอสเสท ในวันนี้กำลังพลิกโฉมอสังหาฯ ไทย ผ่านการยกระดับบริการหลังการขายแบบ Total Solution
จากการที่ในปี 2662เอสซี แอสเสทจะมีครอบครัวลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์แล้วประมาณ16,000 ครัวเรือน และภายในสามปีนี้จะทำให้เอสซีมีลูกค้าที่อยู่ภายใต้การรับประกันของ SC Asset ประมาณ 4,000 ครัวเรือน ซึ่งตัวเลขนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตทุกๆปีในระยะยาว
หนึ่งในกลยุทธ์ของ เอสซี แอสเสท ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ SC ยุค 4.0” จึงมุ่งเป้าไปที่ “ตอบโจทย์” การใช้ชีวิตของกลุ่มผู้อยู่อาศัยในมิติลึกขึ้น
คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขยายความถึงคำ “มิติที่ลึกกว่า” ว่า เพราะSC มีการมองหรือศึกษากลุ่มผู้บริโภคแบบที่เรียกว่า human-centric มากกว่า customer-centricแบบอดีตผลจากการมองดังกล่าวทำให้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่าลูกค้ามีวิถีชีวิตอย่างไร ที่สำคัญ SCเชื่อว่าการมุ่งเน้นิค้นหา pain point ของคนเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัย จะเป็นคำตอบของการก้าวสู่แบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า
เราทำการศึกษาผลจากการวิจัย Brand Health Check ที่ SCทำต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า เรื่องสำคัญที่สุดของการตัดสินใจซื้อบ้านสำหรับลูกค้าอันดับต้นๆ คือ “คุณภาพของบริการหลังการขาย”
“สิ่งที่เราเข้าไปทำความเข้าใจแต่ละครอบครัวพบว่า นอกจากลูกค้าแต่ละครอบครัวแตกต่างกันแล้ว เขายังมี pain point ที่แตกต่างกัน ซึ่งเรามองว่านวัตกรรมที่เกิดใหม่ทุกๆ วัน สามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ชีวิตมนุษย์ได้”ณัฐพงศ์ให้เหตุผล
โดยจากการที่ SC มีเป้าหมายว่าจะทำให้ได้ 20,000 ล้านบาท ยิ่งทำให้SC ให้ความสำคัญกับคุณภาพของบริการหลังการขายเติบโตไปพร้อมกับปริมาณของลูกค้า จึงเดินหน้ารุกธุรกิจด้านบริการหลังการขาย ภายใต้ชื่อบริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด (SC Able Co., Ltd.)
คุณสมศักดิ์ เธียรธีรวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจใหม่บริการหลังการขายครบวงจร บริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด
เอสซี เอเบิล คือธุรกิจที่มีภารกิจหลักเน้นการบริหารจัดการงานซ่อมทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัย โดยมีสมศักดิ์ เธียรธีรวิทย์ ที่ผ่านประสบการณ์ในงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 15 ปี มานั่งเก้าอี้ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด เพื่อทำหน้าที่เป็นขุนทัพในการขับเคลื่อนธุรกิจดังกล่าว
“Pain point หลักๆ ที่เราเจอจากลูกค้าคือเรื่องช่างกับรปภ. ปัญหาคือลูกค้าหาช่างคุณภาพไม่ได้”สมศักดิ์เปิดใจในประโยคแรก เพื่ออธิบายถึงที่มาของธุรกิจน้องใหม่ล่าสุดเครือเอสซี แอสเสท
เขากล่าวต่อว่า ภายใต้สโลแกน “Your Home in Good Hands – มือโปรของทุกบ้าน” SC Able จะมุ่งดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับงานบริการหลังการขายแบบครบวงจร เป็นการตอบโจทย์แบบ Total Solution
“เราตั้งใจที่จะเป็นบริษัทบริการหลังการขาย ในใจลูกค้าชื่อแรกของคนไทย ที่ลูกค้านึกถึงและให้ความเชื่อมั่นในงานบริการของเรา ดังนั้น เราจึงพยายามทำบริการให้ครอบคลุมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อยู่อาศัย”
โดยภายใต้แบรนด์SC Able มีการให้การบริการใน3ธุรกิจหลัก ได้แก่1. After-sales Service Management ดูแลบริการหลังการขายให้ลูกค้าSC ที่อยู่ในระยะรับประกันซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 4,000 ครัวเรือน
- คือการบริการเป็นผู้รับเหมาดูแลงานซ่อมบำรุงสำหรับลูกค้า SC ที่หมดระยะประกันหรืออยู่นอกระยะรับประกัน ซึ่งตอนนี้มีประมาณ 12,000 ครอบครัว รวมถึงลูกค้าทั่วไป
และ 3. คือการก่อตั้ง Able Academy หรือสถาบันอบรมพัฒนาบุคลากรด้านช่างและทีมรักษาความปลอดภัย โดยสถาบันดังกล่าวจะตอบโจทย์ปัญหาขาดช่างฝีมือในประเทศไทย นับเป็นการช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสังคมไทยด้วยการยกระดับช่างฝีมือในประเทศ
ซึ่งทั้งหมดนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของ Home Service Contractor และ Able Academy จะตอบโจทย์พันธกิจและเป้าหมาย SC 4.0 ในเรื่องของการ “ไม่ทอดทิ้งลูกค้า” และการสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าแบบยั่งยืน
ซึ่งแนวทางที่จะช่วยให้สามารถรองรับความต้องการลูกค้าแบบต่อเนื่องได้จริง คือการบ่มเพาะพัฒนาบุคลากร ที่ SCถือเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมาก
กรรมการผู้จัดการเอสซี เอเบิลย้ำหนักแน่น“เป้าหมายสำคัญของเราคือ มิตรแท้ในการดูแลทุกงานปัญหา ให้บริการคุณภาพสูง ปัญหาลูกค้าต้องหายขาด ทำงานรวดเร็ว พัฒนาและสร้างมาตรฐานใหม่ให้งานบริการหลังการขายในเมืองไทย”
นอกจากนั้นในสถาบัน Able Acadamyจะผลิตช่างฝีมือ 6 หลักสูตร 6 อาชีพ โดยหลักสูตรได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ เอสซีจี, แอร์ไดกิ้น และสีเบเยอร์ เป็นต้น มีการสอนเน้นตั้งแต่ทักษะฝีมือช่างไปจนถึงการยกระดับบุคลิกภาพของช่างผู้ให้บริการ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานด้านการบริการของงานช่าง รวมถึงการอบรมทีมรักษาความปลอดภัย ที่หลักๆ คือ การส่งชุดครูฝึกหมุนเวียนเข้าอบรมทีมรปภ.ที่ดูแลความปลอดภัยในโครงการบ้านของ SC ทั้งหมดที่ผ่านมากว่า 50 โครงการอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เพื่อการบริการหลังการขายแบบครบวงจรอย่างแท้จริงSC Able ยังได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตร Start Up รุ่นใหม่ ผู้คิดแอพลิเคชันให้บริการช่างและการบริการเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัยชั้นนำอย่าง Fixzyผู้พัฒนา application รวบรวมสารพัดช่างอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่กำลังมาแรงในขณะนี้
“การที่เราเลือกร่วมทุนกับFixzyเพราะจากการเล็งเห็นว่า Fixzyเป็นแพลทฟอร์มที่ตอบโจทย์ ด้านการให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับ และมีฐานลูกค้าที่สำคัญFixzyมีนโยบายมุ่งเน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมที่สอดคล้องกับเราในอีกส่วนเรามองโอกาสทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดได้ เพราะปัจจุบันครัวเรือนในประเทศไทยมีประมาณ 20 ล้าน แค่เฉพาะในกรุงเทพมหานครมี 6 ล้านครอบครัว เรามองว่าการที่Fixzyเป็นแพลทฟอร์มที่มีฐานช่างจำนวนมากกว่า 3 พันราย ทำให้เราเข้าถึงฐานจำนวนช่างที่เราสามารถเรียกใช้งานได้เลย” สมศักดิ์ชี้แจง
นอกจากนี้ในการอบรมหลักสูตรยังเป็นการยกระดับความร่วมมือ ผ่านการรวมลงทุนครั้งนี้ด้วย โดยช่างบน platform ของ Fixzyจะได้รับการฝึกพัฒนาจาก Able Academy ในขณะที่ SC Able จะมีช่างคุณภาพจำนวนมาก เพื่อดูแลลูกค้าของ SC พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่ของการบริการหลังการขายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
คุณรัชวุฒิ พิชยาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิกซิ จำกัด
รัชวุฒิพิชยาพันธ์กรรมการผู้จัดการบริษัทฟิกซิจำกัด กล่าวว่าการร่วมทุนกับ SC Able จะช่วยส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นจากฐานลูกค้า SC ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตซึ่งปัจจุบันFixzyมียอดดาวน์โหลด application จำนวนกว่า 50,000 ครั้งและมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 60%
“เรามีทั้งงานช่างเพื่อซ่อมแซมติดตั้งและดูแลทุกปัญหาภายในบ้านทั้งเรื่องระบบน้ำระบบไฟเครื่องใช้ไฟฟ้างานโครงสร้างพร้อมงานบริการต่างๆเช่นล้างแอร์ทำความสะอาดบ้านและอื่นๆ พร้อมยกระดับ application สู่ 4.0 อีกทั้งปัจจุบันได้ขยายธุรกิจไปยังหัวเมืองใหญ่ทั้งขอนแก่น, เชียงใหม่ ชลบุรี และ สุพรรณบุรีเรียบร้อยแล้ว และมีแผนขยายต่อไปยังนครราชสีมาภูเก็ตหาดใหญ่ต่อไป” รัชวุฒิเอ่ยทิ้งท้าย