ผู้เชี่ยวชาญด้าน Online Payment เผย Blockchain จะมีบทบาท
ผู้เชี่ยวชาญด้าน Online Payment เผย Blockchain จะมีบทบาทอย่างยิ่งในอนาคต
ภายในงานแสดงศักยภาพการให้บริการโทรคมนาคมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี CAT NETWORK SHOWCASE 2017 ซึ่งบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ผู้นำการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศไทยจัดขึ้นภายใต้แนวความคิด Thailand 4.0 Let’s Rockเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดย CAT ได้รวบรวมสุดยอดผู้เชี่ยวชาญจากวงการไอทีหมุนเวียนกันมาให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ตลอดทั้งวัน ในการนี้ คุณสุวิชา นะลิตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทTreePay ประเทศไทยผู้เชี่ยวชาญด้าน Online Payment ได้กล่าวถึง เทคโนโลยี Blockchainในอนาคตไว้อย่างน่าสนใจ
“นับตั้งแต่ นักพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ผู้ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ (SATOSHI NAKAMOTO) นำเสนอสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า bitcoin ในปี 2008 ซึ่งถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่า คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสกุลเงินที่เป็นอิสระจากรัฐบาลและธนาคาร, สามารถส่งหากันผ่านระบบอินเทอร์เนตและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกมากนำมาใช้ใน online paymentโดยไม่มีคนกลาง ทำให้ bitcoin ได้รับการกล่าวถึง และเป็นการจุดประกายความสนใจของคนทั่วโลก โดยล่าสุดมีมูลค่า กว่า 1 ล้านล้าน ยูเอสดอลล่าร์ และนั่นทำให้โลกรู้จักplatform ของ Bitcoin ที่เราเรียกกันว่าบล็อกเชน (Blockchain)”
“Blockchain ถือเสมือนเป็นระบบปฏิบัติการแบบใหม่ที่เกิดขึ้นโดยมีหลักการทำงานคือ การแชร์ข้อมูลร่วมกันบนเครือข่าย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลของแต่ละคนบนเครือข่ายได้เหมือนกันหมด เมื่อมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคนใดคนหนึ่งในระบบ ทุกคนสามารถที่จะรับรู้และเป็นพยานในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความปลอดภัย และเกิดความโปร่งใสในระบบ โดยก่อนหน้านี้ Blockchain ถูกใช้สำหรับ Cryptocurrencyซึ่งมีอยู่อยู่ราวๆ 1000 กว่าสกุล นับเป็นเพียง 1% ของศักยภาพของระบบนี้เท่านั้น เนื่องจากBlockchain สามารถทำธุรกรรมระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่ต้องมีคนกลาง จึงทำให้การดำเนินธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบธุรกรรมแต่ละรายการได้ จึงสามารถสร้างความโปร่งใสในการทำธุรกรรมและการดำเนินธุรกิจแนวคิดของบล็อกเชนคือ ข้อมูลจะต้องมีความปลอดภัย มีการเผยแพร่ และบันทึกไว้ในทุกที่อย่างเป็นธรรม เพื่อป้องกันการปลอมแปลงโดยมิชอบ จึงเรียกได้ว่าเทคโนโลยี Blockchainได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ของในการยืนยันตน และยืนยันสิทธิ เพื่อทำธุรกรรมดิจิทัลอย่างปลอดภัยและถูกต้อง และด้วยความสามารถเหล่านี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นตรงกันว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้า เราน่าจะเห็น Blockchain อยู่ในหลายๆ ระบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ นอกเหนือจากด้านการเงิน เพราะนอกจาก Blockchain จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ประโยชน์จาก IoTแล้ว ด้วยตัวระบบเอง ยังเอื้อประโยชน์ในการประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐในหลายๆ ประเทศ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซียเริ่มมีนโยบายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้เพื่อประโยชน์ต่อการทำงานของภาครัฐและเมื่อดูจากสถิติของ Start up จากทั่วโลก ที่ใช้ระบบ Blockchainในการพัฒนา Application ซึ่งเติบโตถึง 3 เท่าในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน เราน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่”
นับได้ว่า“Blockchain” เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่เกิดขึ้นซึ่งมาสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกส่วนของภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นการศึกษา สร้างการรับรู้ การเตรียมความพร้อม และการสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะกลายเป็นข้อได้เปรียบของผู้ประกอบการในการคว้าโอกาสใหม่ ๆ เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการธุรกิจได้อย่างทันยุคสมัยและเกิดประโยชน์มากที่สุดทั้งนี้ ทรีเพย์ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากร่วมทุนระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT จากประเทศไทย,บริษัท SK Telecom และ NHN KCP จากประเทศเกาหลีใต้ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านPayment Gateway และ e-Business อย่างครบวงจร ก็อยู่ระหว่างการศึกษาเทคโนโลยีBlockchainเพื่อนำมาพัฒนาและใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต