‘ชาติพัฒนาเป็นทางเลือก ในการก้าวข้ามความขัดแย้ง’
“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้(24มีนาคม) พรรคเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้านตั้งแต่การคัดเลือกผู้สมัครส.ส.สองระบบคือ ระบบเขต 262 คน ระบบบัญชีรายชื่อ 56 คน และการจัดทำนโยบายพรรคคือ “นโยบายประเทศไทย 9 หน้า 9 ไกล ไทยไร้ปัญหา” ไว้ใช้รณรงค์และประชาสัมพันธ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้
ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล่าวว่า จากการที่ลงพื้นที่พร้อม ผู้สมัคร ส.ส.นั้น พรรคได้แนะนำนโยบายพรรคและคำขวัญพรรคคือ “ชาติพัฒนา ไม่มีปัญหา” หรือ #No Problem ซึ่งพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ผู้ก่อตั้งพรรคและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาคนแรกได้กล่าวไว้กับสังคมไทยเมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อน และคำคำนี้เหมาะสมกับการทำงานการเมืองของพรรคที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใครและพร้อมเป็นทางเลือกให้สังคม
“พรรคมีบุคลากรที่มีความสามารถหลายด้าน และมีคนสามรุ่นคือ รุ่นที่มีประสบการณ์ทางการเมือง เช่น ผม สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตหัวหน้าพรรคและหนึ่งในสามแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค คนรุ่นกลางๆ เช่น คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค และยังมีคนรุ่นใหม่ เช่น คุณดล เหตระกูล เลขาธิการพรรค หรือคุณเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองแดงเทควันโดหญิงในกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว และยังมีคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดทันสมัยมาร่วมงานและเสนอตัวให้ประชาชนตัดสิน ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคทำงานการเมืองในแนวทางที่พรรคอื่นๆ ที่ร่วมงานกับเรามีความสบายใจการเมืองวันนี้ควรที่จะเข้าใจกันและกัน ทุกฝ่ายควรมีจุดยืนร่วมกันคือไม่สร้างปัญหาให้บ้านเมืองตามปณิธานที่พล.อ.ชาติชายให้ไว้แก่สมาชิกพรรค
กติกาทางการเมืองวันนี้ทุกคะแนนที่ประชาชนเลือกมานั้นมีความหมาย พรรคชาติพัฒนามองภาพรวมของทั้งประเทศและมั่นใจว่าพรรคชาติพัฒนาจะเป็นทางเลือกหนึ่งของสังคมในการข้ามความขัดแย้งเพราะเสียงสะท้อนที่พรรคชาติพัฒนาได้รับจากประชาชนคือ หลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น ความขัดแย้งทางการเมืองควรยุติแบบถาวร ฉะนั้นพรรคชาติพัฒนาในวันนี้เปรียบเหมือนกับร้านอาหาร Home Made ที่เป็นการทำอาหารด้วยตัวเจ้าของร้านที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของอาหารเพื่อให้ผู้บริโภคสบายใจและกลับมาใช้บริการจากร้านอาหารแห่งนี้ พรรคชาติพัฒนาจะเริ่มจากจุดนี้และสร้างความประทับใจให้คนไทยทุกคนในแนวทางที่ผมยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เพราะร้านอาหารเล็กๆ จะค่อยๆ พัฒนากิจการเป็นภัตตาคาร ผมและผู้บริหารพรรคจะพัฒนาพรรคชาติพัฒนาให้เติบโตและเข้มแข็งไปพร้อมๆ กับสังคมไทย”
ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล่าวว่า “นโยบายประเทศไทย 9 หน้า 9 ไกล ไทยไร้ปัญหา” นั้น พรรคชาติพัฒนาได้จัดทำและเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าในปัจจุบันและสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพและมีความยั่งยืน และยุติปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ พรรคชาติพัฒนาจะทำงานทางการเมืองให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวด้วยนโยบาย 9 หน้า 9 ไกล ไทยไร้ปัญหาดังนี้
ก้าวที่ 1 นโยบายการศึกษา
เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรของชาติที่สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกและเป็นกำลังสำคัญด้านเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ เพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนแบบ 2 ภาษา เพื่อให้เด็กไทยมี 2 ภาษา คือ ภาษาไทยและภาษาต่างชาติอีก 1 ภาษา และให้มีห้องเรียนระบบดิจิทัลให้ทั่วถึง สร้างครูรุ่นใหม่ ครูเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาเด็กไทยให้เรียนทันเทคโนโลยี โดยจัดให้มีทุนการศึกษาครูเทคโนโลยีทุกอำเภอ อำเภอละ 1,000,000 บาท ให้ทุกจังหวัดมีการจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้แบบ TK Park เน้นการศึกษาของเด็กไทยรุ่นใหม่ ให้เป็นนักคิด นักอ่าน นักปฏิบัติ และสามารถนำเสนอผลงาน สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครูด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ครูทั่วประเทศ
ก้าวที่ 2 นโยบายเศรษฐกิจรากหญ้า
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนในระดับรากหญ้าและพี่น้องเกษตรกรในภาวะที่พืชผลเกษตรมีราคาตกต่ำ ให้มีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อเกษตรกร เริ่มต้นที่วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในเวลาที่พืชผลเกษตรราคาตกต่ำและเป็นทุนเบื้องต้นก่อนฤดูการผลิต เสริมสร้างประสิทธิภาพของภาคเกษตรให้เป็นเกษตรกรทันสมัย Smart Farmer ด้วยการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ ปรับปรุงระบบชลประทานให้ทั่วถึง ระบบการตลาด และการจัดโซนนิ่งภาคเกษตรกรรม ปรับปรุงตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้าให้ครอบคลุมสินค้าเกษตรประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากยางพารา เพื่อเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ จัดตั้งกองทุนกู้ยืมเพื่อ Smart SME 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME และวิสาหกิจชุมชน OTOP นำไปปรับปรุงกิจการให้ทันสมัยโดยไม่คิดดอกเบี้ย พัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ ให้ SME สามารถเข้าตลาดเพื่อระดมทุนได้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในหมู่บ้านและตำบล เพื่อกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวให้ทั่วถึง
ก้าวที่ 3 นโยบายสังคม
เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงวัยและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ขยายอายุการเกษียณเป็น 65 ปี เพื่อให้ผู้สูงอายุได้ใช้ประสบการณ์การทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น และเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ความรัก ความสุขในครอบครัว และลดภาระของภาครัฐ สนับสนุนให้มีการสร้างอาคารพักอาศัย “บ้านเกษียณสำราญ” ด้วยค่าใช้จ่ายในอัตราต่ำ สร้าง “ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย” ที่มีฐานะยากจนในแต่ละตำบลให้ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 2,000 บาทต่อเดือน ให้สิทธิ์ในการนำค่ารักษาพยาบาลของผู้สูงอายุหรือบิดามารดา มาลดหย่อนภาษีได้เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 60,000 บาท ส่งเสริมให้ภาคเอกชนจ้างผู้สูงอายุทำงานและนำค่าจ้างมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เพิ่มกำลังของชาติและให้โอกาสคนยากจนในการมีบุตร สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ให้บุตรที่เกิดใหม่ได้รับทุนการศึกษาเดือนละ 1,000 บาทจนจบมัธยมปลาย ภายใต้โครงการ “ทุนการศึกษารับน้องใหม่” ดูแลสวัสดิการคนพิการให้ทั่วถึง ให้มีการออกแบบอารยสถาปัตย์ (Universal Design) สำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ยกระดับคุณภาพชีวิตและปรับปรุงสวัสดิการค่าจ้างแก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ พัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานให้ทันกับเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าขึ้น สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนให้เป็นนิติบุคคล ยกมาตรฐานการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้มีรายได้น้อย รณรงค์แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง
ก้าวที่ 4 นโยบายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งให้ทั่วถึง เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจ การลงทุน การใช้ชีวิตของประชาชน ให้มีการขยายมอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ ให้ทั่วถึงทั้ง 4 ภาค โดยเฉพาะภาคอีสานให้มีการขยายรถไฟรางคู่ไปสู่ภาคอีสานตอนบนเช่น จังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง เป็นต้น เพื่อให้บริการรถไฟทั่วถึง และสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มเศรษฐกิจการค้าที่เกิดขึ้นใหม่ เปิดประตูอีสาน สู่ท่าเรือน้ำลึกและโครงการ EEC ด้วยการสร้างมอเตอร์เวย์และรถไฟตามแนวทางหลวงหมายเลข 304 ขยายระบบขนส่งมวลชนเบา LRT (Light Rail Transit) ไปยังหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาค อาทิ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ นครราชสีมา ปรับปรุงมาตรฐานทางและผิวถนนทั่วประเทศ เพื่อลดอุบัติเหตุในการจราจร โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ
ก้าวที่ 5 นโยบายอุตสาหกรรม พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับโลกอุตสาหกรรมยุคที่ 4 และปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ให้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงแดด พลังงานลม มีสัดส่วนมากขึ้น เพื่อเป็นพลังงานหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศและภาคอุตสาหกรรมตลอดจนภาคขนส่ง เพื่อลดต้นทุน ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม แทนพลังงานจากฟอสซิล เช่น แก๊ส น้ำมัน ถ่านหิน พัฒนาโครงข่าย Smart Grid เพื่อส่งเสริมให้ทุกหลังคาเรือนมี Solar Rooftop เพื่อมีไฟฟ้าใช้เอง และขายไฟฟ้าส่วนเกินเพื่อขายเข้าสู่ระบบโครงข่ายของประเทศ ให้มีการจัดตั้งกองทุน Solar Rooftop เพื่อส่งเสริมนโยบายในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตภายในประเทศอย่างจริงจัง ปรับโครงสร้างการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อรักษาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกิดขึ้นทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน ให้ความสำคัญในการคืนสภาพคูคลอง จัดระบบบำบัดน้ำเสียให้ทั่วถึง ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการติดตามรักษาป่า นำหลักการ Zero Waste มาใช้กำจัดขยะ พัฒนาระบบน้ำมันยูโร 5 เพื่อลดปัญหามลพิษและฝุ่นละออง
ก้าวที่ 6 นโยบายท่องเที่ยว
พัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 65 ล้านคนภายในระยะเวลา 5 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 25% ของ GDP ส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนที่เกี่ยวกับ Man-made Destination เช่นสวนสนุกหรือ Theme Park ระดับโลกด้วยมาตรการทางภาษีและ BOI ผลักดันโครงการ Thailand Riviera ให้เกิดความสำเร็จเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวย่านใหม่ให้แก่ประเทศตามแนวชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ด้วยการเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชนบททั่วประเทศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่เศรษฐกิจรากหญ้า พัฒนาสินค้า OTOP ให้มีความทันสมัยด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งทางด้านการผลิตและการตลาด สร้างอาหารไทยให้เป็นครัวไทยสู่ครัวโลก เพื่อนำรายได้และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย สนับสนุนให้เกิดการประชุมสัมมนาและงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ (MICE) ให้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ส่งเสริมให้มีการจัด WorldEvent ทางด้านคอนเสิร์ต กีฬา หรือการประชุมใหญ่ๆ เพื่อภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว
ก้าวที่ 7 นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล
ปรับฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยเข้าสู่การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เร่งรัดระบบโครงข่าย 5G ให้มีบริการทั่วประเทศ และเชื่อมต่อระบบ WIFI ให้มีบริการทั่วทุกตำบล ทุกพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การบริการภาครัฐที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล ระบบการเงินทั่วประเทศ และสร้างพื้นที่ใช้งานร่วมกัน (Co-Working Space) ในทุกอำเภอเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ พัฒนา Application ของภาครัฐเพื่อเป็นพื้นฐานของการติดต่อราชการอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างราชการกับประชาชน จัดตั้งกองทุนส่งเสริมดิจิทัล Start Up 5,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เกิดนักธุรกิจรุ่นใหม่
ก้าวที่ 8 นโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
เร่งรัดการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นให้ได้ร้อยละ 35 จากปัจจุบันร้อยละ 29 เพื่อเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและเร่งรัดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ดูแลช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานท้องถิ่น ให้ได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอต่อภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน ปรับฐานเงินเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน เป็นขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือน เพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม.เป็นเดือนละ 2,000 บาท
ก้าวที่ 9 นโยบายกีฬา
ให้นโยบายกีฬาเป็นเครื่องมือในการสร้างคนในชาติ ให้มีสปิริตของนักกีฬา เพื่อให้กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ ใช้สปิริตของการกีฬา ที่รู้จักแพ้ รู้จักชนะ ให้อภัย เสียสละ สามัคคีในการทำงานทางการเมืองเพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมืองและเสริมสร้างมิตรภาพในการทำงานทางการเมืองร่วมกัน และให้กีฬาสร้างความสุขความภาคภูมิใจให้แก่คนในชาติ จัดให้มี Mini Sport Complex ในทุกอำเภอเพื่อการออกกำลังกายและฝึกทักษะด้านกีฬา สร้าง Mini Fitness ทุกหมู่บ้านเพื่อให้ประชาชนได้ออกกำลังกาย ให้สุขภาพแข็งแรง ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น กีฬาโอลิมปิก กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ และกีฬาซีเกมส์ จัดตั้งกองทุนพัฒนานักกีฬาอาชีพ 2,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนานักกีฬาไทยสู่ความเป็นนักกีฬาระดับโลก สร้างลีกกีฬาอาชีพให้เกิดขึ้นสำหรับกีฬาทุกประเภทและพัฒนาสู่ Academy เพื่อฝึกสอนเยาวชนในระดับรากหญ้า นำหลักการวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้อย่างจริงจังในการพัฒนากีฬาของชาติ ส่งเสริมกีฬา E-Sport สนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะมวยไทยให้เป็นศิลปะการต่อสู้ระดับโลก เพื่อความภาคภูมิใจและประโยชน์ด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียน การสอน การจัดการแข่งขัน การตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ผมขอฝากผู้สมัครส.ส.ทั้งสองระบบของพรรค และ “นโยบายประเทศไทย 9 หน้า 9 ไกล ไทยไร้ปัญหา” ให้สังคมไทยพิจารณาและให้โอกาสพรรคชาติพัฒนาในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ขอบคุณครับ” ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล่าว