Rolls-Royce Spectre 'EV' เข้มทดสอบ 2.5 ล้านกิโลเมตร พร้อมส่งมองปี 66
Rolls-Royce Spectre (โรลส์-รอยซ์ สเปคเตอร์) รถพลังงานไฟ้า (EV) รุ่นแรกของแบรนด์ มีกำหนดส่งมอบปลายปี 66 โดยรถที่มีโครงสร้างตัวถังแข็งแกร่งที่สุุด ค่าซีดี ดีที่สุด ฟังก์ขั่นประมวลผบมากที่สุดของแบรนด์ อยู่ระหว่างการทดสอบใช้งาน 2,500,000 กิโลเมตร
ROLLS-ROYCE Spectre (โรลส์-รอยซ์ สเปคเตอร์) ยังอยู่ในกระบวนการพัฒนา โดยโรลส์-รอยซ์ ระบุว่าขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วประมาณ 40%
และหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของกระบวนการพัฒนา ก็คือการทดสอบใช้งานจริง เพื่อที่เมื่อทำตลาดอย่างเป็นทางการ จะได้มั่นใจว่า รถมีความสมบูรณ์แบบจริงๆ และใช้งานได้ไม่ต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
โรลส์-รอยซ์ ระบุว่า การทดสอบครั้งนี้มีเป้าหมายระยะทางที่ยาวไกลถึง 2.5 ล้านกิโลเมตร โดยล่าสุดการทดสอบเดินทางมาถึงช่วง 625,000 กิโลเมตร โดยระยะทางทั้งหมดเป็นการทดสอบในย่านชายฝั่งเฟรนช์ริเวียร่า ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทั้งบนท้องถนนที่ผู้คนใช้งานจริง และทดสอบในสนามแข่ง Autodrome de Miramas
Torsten Müller-Ötvös ซีอีโอ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ กล่าวว่า “ไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่า Spectre คือ Rolls-Royce ที่ทุกคนรอคอยมากที่สุด รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ของเราจะมอบประสบการณ์ในแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์ได้อย่างถ่องแท้ที่สุดในประวัติศาสตร์ 118 ปีของแบรนด์”
Ötvös กล่าวว่า การทดสอบครั้งล่าสุดนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงเทคโนโลยีขั้นสูงที่รองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโรลส์-รอยซ์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของแบรนด์กับคนรุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
โรลส์-รอยซ์ ระบุว่า การบ้านสำคัญช้อแรกของ Spectre คือ ปลดล็อก ศักยภาพ ด้วยการผสานรวมระบบส่งกำลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury)
จากจุดนี้บรรดาวิศวกรของบริษัทได้รวมข้อมูล ประสบการณ์การขับขี่โดยมนุษย์ สัญชาตญาณ และข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับมาเป็นเวลานานกว่า 1 ศตวรรษ ไปปรับจูนประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและคุณลักษณะของรถ
โรลส์-รอยซ์ บอกอีกว่า จริงๆ แล้ว รถยนต์โรลส์-รอยซ์ เป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยกับพลังงานไฟฟ้ามายาวนาน แม้ว่าจะผลิตแต่รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มาตลอดก็ตาม
ทั้งนี้เพราะว่า Henry Royce ผู้ก่อตั้งโรลส์-รอยซ์ เป็นวิศวกรไฟฟ้า แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาคือการทุ่มเทการสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ได้ดึงเอาความโดดเด่นของไฟฟ้าเข้ามาใช้ คือ ทำอย่างไรให้เครื่องยนต์ทำงานได้เงียบ ถ่ายทอดแรงบิดทันที และผู้ขับ ผู้โดยสารไม่รู้สึกถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์
จากนี้นปี 2443 Charles Rolls ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นปี 1900 ชื่อ Columbia และเขาคาดการณ์ไว้ว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีเสียงรบกวน ไม่ก่อมลพิษ ไม่มีกลิ่นควันหรือการสั่นสะเทือน น่าจะมีประโยชน์มากเมื่อสามารถติดตั้งสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้าได้
และ Spectre คือการเกิดขึ้นที่เป็นไปตามการคาดการณ์ในครั้งนั้น
Spectre ยังถือเป็นเป็นตัวแทนของสัญญาในปี 2554 ที่โรลส์-รอยซ์ นำเสนอ Experimental Phantom ภายใต้รหัส 102EX ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ก่อนจะตามมาด้วย 103EX ซึ่งเป็นการศึกษาการออกแบบที่ล้ำสมัยที่เป็นการคาดการณ์อนาคตของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นของแบรนด์
รถที่เป็นรถทดลองการเข้าสู่พลังงานใหม่ดังกล่าว ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก โดยเชื่อว่าพลังงานไฟฟ้าจะเข้ากันได้ดีกับแบรนด์
สำหรับ Spectre เริ่มต้นการทดสอบในเดือนกันยายน 2564 โดยเป้าหมายระยะทางทั้งหมด 2.5 ล้านกิโลเมตร เป็นการจำลองการใช้งานของโรลส์-รอยซ์ เฉลี่ยมากกว่า 400 ปี
ก่อนหน้านี้ Spectre ผ่านมาทดสอบแบบสุดขั้วมาแล้ว แต่ช่วงการทดสอบช่วงนี้ เป็นการทดสอบตามแบบแผนมากขึ้นในสถานที่ที่สะท้อนถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันของยานยนต์ อย่าง เฟรนช์ริเวียร่า (French Riviera) ตั้งแต่ถนนวกเวียนตามหน้าผาแนวชายฝั่งไปจนถึงเส้นทางด้านในที่ห่างจากชายฝั่งที่สามารถทำความเร็วได้มากขึ้น
ส่วนการทดสอบในสนาม Autodrome de Miramas สนามเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่ใน Bouches-du-Rhône ของแคว้นโพรวองซ์ ฝรั่งเศส ซึ่งครั้งหนึ่งสนามนี้เคยจัดแข่งขันกรังปรีซ์ในปี 2469 ปัจจุบัน สนามแห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบและพัฒนายานยนต์ที่ มีระยะทางทดสอบกว่า 60 กิโลเมตร
การทดสอบในสนามที่ทั้งโค้งแคบๆ ทางลาดชัน รวมถึงการขับลุยน้ำ และการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนถนนสามเลนในระยะทาง 5 กิโลเมตร ทำให้สามารถทดสอบการใช้งารน Spectre ด้วยความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง
และหลังจากทดสอบอย่างต่อเนื่องหลายเดือน เทคโนโลยีระบบกันสะเทือนใหม่กำลังได้รับการปรับจูนเพื่อให้แน่ใจว่า Spectre จะมีการขับขี่ที่นุ่มนวล และตอบสนองจุดเด่นของโรลส์-รอยซ์ ที่เรียกว่า “ประดุจนั่งอยู่บนพรมวิเศษ”
ทั้งนี้การพัฒนาช่วงล่างจะใช้ชุดส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ใหม่และใช้ประโยชน์จากความสามารถในการประมวลผลความเร็วสูงของ Spectre ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์นี้ใช้ข้อมูลจากระบบ Flagbearer ของรถยนต์ ซึ่งอ่านลักษณะพื้นผิวถนนด้านหน้าพร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียมซึ่งจะช่วยเตือนรถให้ปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับพื้นถนนด้านหน้าที่กำลังจะถึง
บนเส้นทางตรง ระบบสามารถแยกเหล็กกันโคลงของ Spectre ได้อัตโนมัติ ทำให้แต่ละล้อทำงานอิสระ ช่วยป้องกันอาการโคลงของตัวรถที่เกิดขึ้นเมื่อด้านใดด้านหนึ่งของรถผ่านพิ้นถนนที่มีระดับไม่
และเมื่อข้อมูลจากระบบนำทางผ่านดาวเทียมและจากระบบ Flagbearer ตรวจพบทางโค้งที่รถใกล้จะถึง ระบบต่างๆ จะเตรียมพร้อมรับเส้นทางดังกล่าว เช่น แดมเปอร์กันกระเทือนจะแข็งขึ้น ระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อจะเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งาน
ขณะเข้าโค้งจะมีการตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์มากกว่า 18 ตัว และตัวกำหนดการทำงานของระบบการบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ระบบส่งกำลัง และช่วงล่างถูกปรับไปตามสถานการณ์นั้นเพื่อให้ Spectre วิ่งไปอย่างนิ่งและนุ่มนวล
โรลส์-รอยซ์ ระบุอีกว่า Spectre ไม่เหมือนโรลส์-รอยซ์รุ่นก่อน ๆ ไม่แค่เรื่องของการเป็น EV แต่รวมถึงความเร็วของระบบประมวลผลที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นระบบที่มีการเชื่อมต่อกันมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
และแต่ละส่วนประกอบภายในนั้นฉลาดกว่าในโรลส์-รอยซ์รุ่นก่อน ๆ
โดย Spectre มีฟังก์ชันการรับ-ส่ง 141,200 ข้อมูลการทำงาน มีฟังก์ชันการใช้งานกว่า 1,000 ฟังก์ชัน และฟังก์ชันย่อยมากกว่า 25,000 ฟังก์ชัน โดยผสมผสานการตอบสนองที่หลากหลายขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมของผู้ขับ สถานะของรถ และสภาพพื้นผิวถนน
ในส่วนของโครงสร้างตัวถัง หลักๆ ใช้อลูมิเนียม โดยที่บางส่วนเสริมด้วยเหล็กเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง แผงด้านข้างแบบชิ้นเดียวพาดจากด้านหน้าของเสา A-pillar ไปด้านหลัง ประตูรถไร้เสาซึ่งมีความยาวเกือบ 1.5 เมตรนั้นมีขนาดยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรลส์-รอยซ์เช่นเดียวกัน
ความแข็งแกร่งของ Spectre เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกรุ่นที่มี เพื่อรองรับการติดตั้งชุดแบตเตอรี่
ส่วนการออกแบบตัวถังในภาพรวม มีค่าแรงเสียดทานอากาศ (Cd) 0.26 ซึ่งทำให้เป็นโรลส์-รอยซ์ที่มีแอโรไดนามิกที่ดีที่สุด
แต่หลังจากการทดสอบอุโมงค์ลม การสร้างแบบจำลองดิจิทัล และการทดสอบความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องในสนามทดสอบ Miramas ตัวเลขค่าแรงเสียดทานอากาศลดลงเหลือเพียง 0.25
Spectre มีกำหนดส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566