ส.อ.ท. เผยยอดขายรถยนต์ในประเทศหดตัว 8.77% หวังรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

ส.อ.ท. เผยยอดขายรถยนต์ในประเทศหดตัว 8.77% หวังรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เผยยอดขายรถยนต์เดือน ก.ค.2566 อยู่ที่ 58,419 คัน ลดลง 8.77% เป็นยอดขายรถกระบะที่ลดลงต่อเนื่องจากความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อและหนี้เสีย ลุ้นรัฐบาลใหม่เร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดการผลิตรถยนต์เดือน ก.ค.2566 อยู่ที่ 149,709 คัน เพิ่มขึ้น 4.72% จากปีก่อน จากยอดการผลิตเพื่อส่งออก รวมยอดการผลิต 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.2566) อยู่ที่ 1,071,221 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.66% ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากลดกำลังการผลิตเพื่อขายในประเทศ เนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อนสินเชื่อรถยนต์รวมทั้งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนก.ค.2566 อยู่ที่ 58,419 คัน ลดลง 8.77% โดยเป็นการลดลงของยอดขายรถกระบะกว่า 31.88% อยู่ที่ 20,309 คัน ซึ่งเป็นการหดตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ด้วยสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ หลังสัดส่วนหนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์ขยับเพิ่มขึ้น

 

รวม 7 เดือนปี 2566 มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 464,550 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.45% แบ่งเป็น รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) 381,453 คัน ลดลง 15.78% รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 35,781 คัน เพิ่มขึ้น 1,605.48% รถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,454 คัน เพิ่มขึ้น 39.54% รถยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 45,862 คัน เพิ่มขึ้น 30.02%

"ทั้งนี้ ส.อ.ท.ยังคงเป้าหมายการผลิตเพื่อขายภายในประเทศไว้ที่ 8.5 แสนคัน หลังจากที่มีการปรับลดคาดการณ์ลงจากเดิม 5,000 คัน จากปัจจัยการอนุมัติสินเชื่อ หนี้ครัวเรือน อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยคาดว่าหลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่แล้วจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รวมทั้งหวังว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 รัฐบาลจะเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะช่วยฟื้นยอดขายในประเทศ"

ส่วนยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ค.2566 อยู่ที่ 108,052 คัน เพิ่มขึ้น 30.05% เติบโตดีจากการดีมานต์ประเทศคู่ค้าที่ยังขยายตัว  จึงส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดอเมริกาเหนือที่ลดลง ส่งผลให้ 7 เดือนแรกปีนี้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 636,868 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.55% มีมูลค่าการส่งออก 396,769.01 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24.52% และรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ 7เดือนแรกมีมูลค่า 533,383.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.13%

"ส.อ.ท.คาดหวังว่าหลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่แล้ว ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ดำเนินนโยบายดึงความเชื่อมั่นการลงทุน เร่งอนุมัติมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV3.5 ก่อนที่มาตรการเดิมจะสิ้นสุดเดือนธ.ค. 2566 เพื่อสร้างความต่อเนื่องและสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่การเป็นฮับอีวีของภูมิภาค"