เปิดแผน ฮอนด้า เดินหน้า EV เล็งเปิดโรงงานผลิต- ลดเสียชีวิตจราจรเป็นศูนย์
บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ประกาศ วิชั่นส์ 2030 ก่อนหน้านี้ หนึ่งในนั้นคือ การมุ่งไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละตลาด ไม่ว่าจะเป็น อีวี หรือ พลังงานผสมอย่างไฮบริด หรือ การนำไฮโดรเจนมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือ fuel cell
ล่าสุดที่สำนักงานใหญ่ อาโอยามะ ประเทศญี่ปุ่น ผู้บริหาร ฮอนด้า มอเตอร์ นำโดย โตชิฮิโระ โมเบะ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย โดยระบุว่า แม้ปัจจุบันสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ อุตสาหกรรมโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้ายังคงเดินหน้าแผนธุรกิจตามแนวทางที่วางไว้เช่นเดิม แต่ปรับเพิ่มเป้าหมายใหม่เพิ่มเติม 2 เรื่องหลักคือ เป้าหมายปี 2050 (2593) จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และลดผู้เสียชีวิตจากการจราจรเป็นศูนย์ในปีเดียวกัน
โมเบะ กล่าวว่า นอกจากนี้ในงาน Japan Mobility Show 2023 ที่กำลังจัดงานในขณะนี้ที่ โตเกียว บิ๊กไซท์ ฮอนด้ายังนำเสนอสโลแกนระดับโลกใหม่ที่เพิ่มเติมจากสโลแกนเดิม คือ “Power of Dreams” เป็น “Power of Dreams-How we move you” ซึ่งเป็นสโลแกนที่จะสอดคล้องกับเรื่องของพลังงานไฟฟ้าที่ฮอนด้ามุ่งไปทางด้านนี้เช่นกัน
สำหรับแผนใหญ่ระยะยาวของฮอนด้าคือปี 2573 รถทุกคันของฮอนด้าจะต้องมีพลังงานไฟฟ้า และในปีดังกล่าว ฮอนด้าจะผลิตและขายรถพลังงานไฟฟ้า 2 ล้านคัน
ทั้งนี้ แนวทางหลายๆ อย่างของฮอนด้ามาจากความฝันของพนักงาน ที่บริษัททำให้ฝันเป็นจริง จากนั้นก็ทำให้ความฝันของลูกค้าเป็นจริง โดยเฉพาะการทำให้ผู้คนสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และยังเป็นการเดินทางด้วยพลังงานสะอาด จากการนำพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้มากขึ้น
นอกจากนั้น ในงาน Japan Mobility Show 2023 ฮอนด้าได้นำยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ามาจัดแสดงหลายรุ่น ทั้งรถยนต์ จักรยาน ยานพาหนะส่วนบุคคล รวมถึงยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Drive) ที่มีชื่อว่า Cruise Origin ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเช่นก้น
ความน่าสนใจของรถคันนี้คือ เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ 4 (level 4) นั่นหมายถึงสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง โดยรถคันนี้จึงไม่มีพวงมาลัยหรือระบบควบคุมทิศทางอื่นๆ ที่ต้องดำเนินการโดยมนุษย์ มีเพียงที่นั่ง 6 ที่นั่ง หันหน้าเข้าหากัน รองรับกลุ่มครอบครัว หรือว่า องค์กร
ที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีก 3 ปี ข้างหน้า ในรูปแบบรถแท็กซี่ โดยฮอนด้าระบุชัดเจนว่าปี 2566 จะพร้อมให้บริการในบางพื้นที่ของกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น โดยตั้งเป้าจำนวน 500 คัน เพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนคนขับแท็กซี่ที่เริ่มรุนแรงเพิ่มขึ้น
และหลังจากนั้น Cruise Origin จะเพิ่มจำนวน และพื้นที่บริการออกนอกกรุงโตเกียวต่อไป
นั่นคืออีกหนึ่งแนวทางของยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้แค่เป็นรถส่วนบุคคลเท่านั้น
ย้อนกลับมาที่ตลาดเมืองไทย ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ฮอนด้า มอเตอร์ระบุว่า มีความสนใจในด้านพลังงานไฟฟ้าเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามมองว่าด้วยองค์ประกอบต่างๆ ไทยน่าจะเหมาะกับลูกผสมอย่างไฮบริดมากกว่า
ส่วนคำถามที่ว่าการที่ปัจจุบัน ตลาด อีวี จากจีน โจมตีเข้าสู่ตลาดประเทศไทยมากขึ้น ด้วยจุดได้เปรียบสิ่งหนึ่งคือ ภาษีนำเข้า 0% ฮอนด้า ซึ่งมีฐานการผลิตในจีนเช่นกัน จะใช้โอกาสนี้ทำตลาดหรือไม่
โตชิฮิโระ กล่าวว่า ปัจจุบัน ตลาดอีวีของ ฮอนด้าไปได้ดีในอเมริกา เหนือและจีน และมีแผนจะเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับการเติบโต และก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ
แต่เมื่อมองอีกมุม ก็เห็นว่าบริษัทกำลังมองหาการสร้างฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้แต่อย่างใด