'MG 4 X Power' ไม่ต้องไปไหนไกล สนุกได้กับในเมือง
MG 4 X Power เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) อีกหนึ่งรุ่นที่เอ็มจี เสริมตลาดเข้ามาต่อเนื่องจาก MG 4 Electric ด้วยอารมณ์ที่รองรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น
เมื่อคราวที่ เอ็มจี เปิดตัว “เอ็มจี4 อีเลคทริค” (MG 4 Electric) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวีในรูปแบบแฮทช์แบคกับ Nebula Pure Electric Platform วางแบตเตอรีแบบ cell to body ช่วงปลายปี 2565 ได้รับคำชมอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการขับขี่จากรถขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรก
ซึ่งแน่นอนแพลตฟอร์มนี้ที่เป็นการพัฒนาขึ้นมาสำหรับอีวี โดยเฉพาะ ต่างจากรุ่นก่อนหน้า เช่น แซดเอส อีวี, เอ็มจี อีเอส หรือ อีวี เป็นการใช้แพลทฟอร์มร่วมกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้การขับขี่ยกระดับขึ้นมาก
และเมื่อเอ็มจี เสริมตลาดอีกครั้งในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา กับการส่ง "เอ็มจี4 เอ็กซ์เพาเวอร์" (MG 4 X Power) ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ และเพิ่มสมรรถนะ ความจุแบตเตอรี ระยะทางการใช้งาน โดยราคาไม่แรง 1.119 ล้านบาท ก็ดูเหมือนกระแสตอบรับยิ่งดีขึ้นไปอีก
จะว่าไปแล้วราคาก็เพิ่มจากรุ่นมอเตอร์เดี่ยวไม่มาก โดยในช่วงนั้นมีค่าตัว 8.69-9.69 แสนบาท ก่อนที่สงครามราคาที่รุนแรงจะทำให้ค่าตัวลงมาอยู่ที่ 7.09-8.89 แสนบาท
เอ็มจี4 เอ็กซ์เพาเวอร์ มาพร้อมแบตเตอรีที่อัพเกรดขึ้นเป็น NMC ความจุ 64 kWh รองรับการขับขี่สูงสุด 480 กม.ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
เอ็มจี4 เอ็กซ์เพาเวอร์ เป็นรถขนาดกะทัดรัดในรูปทรงแฮทช์แบค ตัวถังยาว 4,287 มม. กว้าง 1,836 มม. สูง 1,516 มม. ระยะฐานล้อ 2,705 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 117 มม.
แต่ในแง่การใช้งานถือว่าไม่เล็กครับ ตัวรถมีความกว้าง ทำทำให้ห้องโดยสารค่อนข้างกว้างขวาง นั่งได้สบาย ผู้โดยสารเบาะหลัง อาจจะดูว่ามีพื้นว่างจากเบาะหน้าไม่มาก แต่ก็ไม่ได้เกะกะระรานกัน ยังนั่งได้สบาย และก็มีช่องแอร์ และช่องเชื่อมต่อยูเอสบีมาให้ด้วย
และการที่เบาะหลังวางตำแหน่งดังกล่าว ทำให้พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายนั้นมีพื้นที่พอสมควร ไม่เล็กครับ และหากว่าต้องการเพิ่มเพื้นที่บรรทุกสัมภาระก็สามารถพับเบาะนั่งด้านหลังลงได้ และค่อนข้างราบ ช่วยให้การยกของขึ้นลงหรือจัดวางทำได้ง่าย
ส่วนออปชั่นหลักๆ ที่ให้มา เช่น ไฟหน้าแอลอีดี พร้อมระบบเปิดปิด และไฟสูงต่ำอัตโนมัติ ไฟสขับขี่เวลากลางวัน ไฟท้าย แอลอีดี ไฟเบรกดวงที่ 3 แอลอีดี กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว ใบปัดน้ำฝนกระจกหลัง สปอยเลอร์หลังรูปทรงเอกลักษณ์แปลก
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งตกแต่งด้วยหนัง Alcantara นั่งได้กระชับ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft Touch ในหลายจุด พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง
หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัส 10 นิ้ว กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบ Intelligent Smart Access ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก หรือ V2L
ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Andriod Auto เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 6 ดอก คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี ระบบปฏิบัติการ i-Smart
ด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น เบรกมือไฟฟ้าพร้อมออโต้ เบรก โฮลด์ล กระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ ระบบช่วยเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน
ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ กล้องมองหลัง สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และ
ระบบ One Pedal หรือการควบคุมความเร็วรถ ชะลอรถด้วยแป้นคันเร่งอย่างเดียว
ด้านสมรรถนะ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว หน้า/หลัง ให้กำลังรวมกันสูงสุด 430 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ซึ่งสูงกว่ารุ่นมอเตอร์เดี่ยวชัดเจน (170 แรงม้า 250 นิวตันเมตร) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.8 วินาที
จุดเด่นหลังจากที่ได้ลองขับแบบใช้งานจริง ทั้งเส้นทางในกรุงเทพฯ และออกต่างจังหวัด กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี-กรุงเทพฯ ก็คือ ความคล่องแคล่วของรถ โดยเฉพาะจังหวะการเปลี่ยนความเร็ว และเปลี่ยนช่องทาง
ซึ่งใครเห็นตัวเลขแรงม้า แรงบิด แล้วก็อาจจะมองไปที่การเดินทางไกลๆ การได้ลองขับในวันที่มอเตอร์เวย์โล่งๆ ก็คงจะใช่ แต่ผมว่ามันเป็นรถที่ขับในเมืองสนุก ท้าทายพื้นที่ว่างแคบๆ สั้นๆ และรถเยอะๆ
เพราะการตอบสนองของแรงบิดในการเปลี่ยนความเร็วไปมาได้อย่างรวดเร็วไม่มีอิดเอื้อน และช่วงล่างที่เซ็ทมาดี เกาะถนนแม่นยำ ในจังหวะเปลี่ยนช่องทางซ้ายทีขวาทีแบบนี้ ช่วยให้ขับได้ง่าย สบาย และสนุกในอารมณ์
อีกอย่างหนึ่งก็คือความนิ่งของตัวถัง แม้ว่าเลี้ยวแรงๆ หรือโยกรถเร็วๆ การโยนตัวแทบไม่มี ช่วยให้ผู้ขับนั้นรู้อาการของรถได้รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้คุมรถได้ถูกต้อง
ส่วนระบบช่วงล่างของ MG 4 X Power ด้านหน้าอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบอิสระ 5 ลิงค์ พร้อมกับล้อ 18 นิ้ว ยาง 234/45 R18 ใหญ่ว่ารุ่นมอเตอร์เดี่ยวที่ใช้ขนาด 17 นิ้ว
ส่วนการขับทางไกล สมรรถนะของรถนั้นเหลือๆ จะเติมความเร็วขึ้นไปสูงมากๆ หรือจังหวะเร่งแซงก็มาได้ทันอกทันใจ แต่มันจะไม่ได้ดึงเสน่ห์ของรถออกมาเต็มที่ แต่ก็ขับได้สบายไม่เครียด เพราะรถมีความนิ่งสูง การคุมพวงมาลัยก็แค่จับหลวมๆ
เสียดายว่าเดิมผมวางแผนจะขับยาวๆ ไปขึ้นเขา ซึ่งจินตนาการได้ว่าต้องสนุกแน่กับแรงบิด และความแม่นยำของช่วงล่าง แต่เวลาส่วนตัวไม่เอื้ออำนวย
ส่วนจังหวะออกตัว หรือ เติมคันเร่งทั้งแบบนุ่มนวลหรือรุนแรง จุดเด่นอีกสิ่งหนึ่งคือ การกระจายแรงบิดไปยังล้อต่างๆ แม่นยำ เพราะไม่มีอาการปัด หรือ ล้อหมุนฟรี
ส่วนเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ขนาดจานใหญ่ขึ้น หนาขึ้น ซึ่งจังหวะการเบรกก็ทำงานได้แม่นยำ เบรกหนักกรถไม่เสียทรง แต่ตัวแป้นอาจจะดูลึกๆไปสักหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหาเมื่อคุ้นเคยกับรถแล้ว
ทั้งนี้รถมีโหมดการขับให้เลือกคือ Eco, Normal และ Sport ซึ่งหากเลือกสปอร์ตรถจะดุดันขึ้นชัดเจน และการส่งกำลังระบบจะพยายามให้รถขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แบบแปรผัน คือตั้งแต่ 90/10 ถึง 50/50 (ล้อหลัง/ล้อหน้า)
ส่วโหมด นอร์มอล ที่จะเน้นการขับด้วยล้อหลังเป็นหลัก สูงสุด 100% ยกเว้นจังหวะที่ระบบเห็นว่าต้องส่งไปช่วงล้อหน้าในบางสถานการณ์เท่านั้น
เอาจริงๆ นอร์มอล พอแล้ว สนุกแล้ว และเป็นโหมดที่ผมใช้เป็นส่วนใหญ่
พวงมาลัย Dual Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า รูปทรงสปอร์ต นุ่ม จับกระชับมือ มีความแม่นยำ ช่วยให้คุมรถได้ง่าย ไม่หลงทิศหลงทาง เพียงแต่ถ้าเติมความเนียนของจังหวะการหมุนหรือการคืนองศากลับมาอีกสักนิด จะลงตัวมากขึ้น
และอีกสิ่งที่อยากได้คือ การตั้งค่าระบบการชาร์จคืนพลังงาน เพราะทุกครั้งที่สตาร์ทใหม่มันจะคืนไปที่ค่าเริ่มต้นจากโรงงานต้องมาเซ็ทกันใหม่ ซึ่งบางทีก่อนออกตัวก็ลืมปรับ ทำให้ต้องปรับระหว่างการขับขี่
ครับ ก็มีจุดที่ยังไม่ชอบเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วสิ่งที่ชอบมากกว่าครับ กับรถสมรรถนะสูง คุณสมบัติด้านการขับขี่ไม่ธรรมดา ในระดับราคาล้านต้นๆ คันนี้ครับ