แต่งให้สวย อย่าแต่งให้เสีย (๒)

แต่งให้สวย อย่าแต่งให้เสีย (๒)

สัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดถึงเรื่องของการแต่งรถ โดยเป็นข้อเขียนทำนองที่ว่า การตกแต่งรถยนต์นั้นให้คำนึงถึงประโยชน์จากการใช้สอย มากกว่าเรื่องของความสวยงาม หรือหากต้องการแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงาม ก็ต้องไม่ไปทำลายสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถยนต์

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะ หรือแต่งเพื่อให้ดูสวยงามตามสายตาของท่านมากขึ้นก็ตาม ต้องคิดอยู่เสมอว่า ต้องไม่ทำให้เกิดเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมา เพราะทุกวันนี้เราสามารถพบเห็นรถยนต์ที่แล่นอยู่บนท้องถนนจำนวนมาก ทำผิดกฎหมายทั้งโดยรู้ถึงผล และไม่รู้ถึงผลที่ได้จากสิ่งที่ได้กระทำลงไป

สัปดาห์นี้ผมจึงขอนำเรื่องทำนองดังกล่าวมาบอกกันต่อว่า การแต่งรถยนต์ของเรา ๆ ท่าน ๆ นั้น ควรหรือไม่ควรทำอะไรหรืออย่างไรกันบ้าง เริ่มต้นกันที่เรื่องของไฟส่องสว่างและระบบไฟต่าง ๆ ด้วยว่าปัจจุบันนี้มีเจ้าของรถยนต์จำนวนมาก นำรถยนต์ไปติดไฟเพื่อเพิ่มความสว่างมากขึ้น หรือเพื่อให้เกิดความสวยงามยามค่ำคืนบ้าง เพราะนับตั้งแต่มีไฟแบบ แอลอีดี เกิดขึ้นมา ทำให้ผู้ผลิตไฟสำหรับตกแต่งรถยนต์ สามารถทำไฟให้เป็นรูปร่างต่างๆได้ง่ายขึ้น และสามารถทำให้สีของไฟมีสีที่แตกต่างได้มากขึ้น

เจ้าของรถหลายท่านนำรถไปติดไฟสีต่างๆที่ใต้ท้องรถ นัยว่าเมื่อขับรถไปในยามค่ำคืนแล้วเปิดไฟ จะทำให้ดูราวกับว่ารถยนต์นั้นลอยล่องไปบนท้องฟ้า ซึ่งกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องของกฎหมายว่าด้วยสีของไฟนั้นมีการระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ไฟด้านหน้ารถต้องเป็นสีเหลืองอำพันหรือสีขาวเท่านั้น ส่วนไฟด้านท้ายของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นไฟท้าย, ไฟเบรก หรือไฟเลี้ยวก็ตาม จะถูกกำหนดสีเอาไว้ว่า ไฟท้ายและไฟเบรกต้องเป็นสีแดงเท่านั้น ส่วนไฟเลี้ยวต้องเป็นสีแดงหรือสีเหลืองอำพันเท่านั้น ส่วนไฟเลี้ยวด้านหน้ารถต้องเป็นสีขาวหรือสีเหลืองอำพันเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีรถยนต์ที่แล่นอยู่บนท้องถนนจำนวนมาก ใช้ไฟที่มีสีต่างไปจากกฎหมายกำหนด เมื่อขับผ่านด่านที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ จึงถูกจับกุมและต้องเสียค่าปรับไปอย่างน่าเสียดาย

ในส่วนของไฟเบรกนั้นกฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจนเช่นกันว่า จะต้องสว่างแดงวาบขึ้นมา เมื่อผู้ขับทำการเหยียบแป้นเบรกเท่านั้น จะมีสวิตช์ต่อเชื่อมเพื่อปิดหรือเปิดต่างหากไม่ได้ และต้องสว่างวาบขึ้นมาตามจังหวะการเหยียบแป้นเบรก จะสว่างแบบกะพริบวาบ ๆ ก็ไม่ได้ หากเป็นเช่นนนั้นก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีเจ้าของรถยนต์ที่นำรถไปแต่งให้สว่างแบบกะพริบวาบ ๆ หรือในกรณีของไฟถอยหลัง กฎหมายก็ระบุเอาไว้ว่า ต้องติดสว่างขึ้นมาเป็นสีขาว เมื่อคนขับโยกคันเกียร์ ไปอยู่ในตำแหน่งถอยหลังเท่านั้น จะติดไฟใด ๆ เพิ่มเติมทางด้านท้ายรถ ที่มีสวิตช์ปิดและเปิดตามที่คนขับต้องการไม่ได้

ปัจจุบันนี้หากมีใครขับรถบนทางหลวงระหว่างจังหวัดในช่วงเวลากลางคืน จะพบว่ามีรถบรรทุกจำนวนมากที่ติดไฟแบบแอลอีดีไว้ที่ด้านหน้ารถ โดยติดเป็นไฟสีต่างๆและติดยาวเป็นรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้ที่พบเห็นสามารถถ่ายรูปและส่งไปให้เจ้าหน้าที่ เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับ และจะได้เงินสินบนจากค่าปรับด้วย แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลก ที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กลับไม่เคยจับกุมหรือไม่เคยพบเห็นรถที่ทำผิดกฎหมายเหล่านี้ ทั้งที่มีแล่นกันเกลื่อนทั่วไปในทุกถนนทุกภูมิภาค

การตกแต่งรถยนต์อีกประการหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงมาก คือ การหาวัสดุมาปูที่พื้นรถ เพราะเจ้าของรถยนต์หลายท่านรักรถมาก จึงไม่อยากให้มีรอยเปื้อนเกิดขึ้นกับพรมปูพื้นรถ จึงมีการสั่งตัดหรือสั่งซื้อผ้ายางสำเร็จรูป มาปูทับบนพรมปูพื้นรถอีกหนึ่งชั้น สิ่งที่ต้องระวังให้มากก็คือ ในพื้นรถด้านหน้าโดยเฉพาะฝั่งคนขับนั้น พรมปูพื้นรถหรือผ้ายางปูพื้นรถก็ตาม หากไม่ได้ตัดมาอย่างพอเหมาะพอดีกับพื้นที่วางเท้าหรือไม่มีการยึดติดให้แน่นหนา พรมหรือผ้ายางปูพื้นก็อาจจะเคลื่อนที่ ไปขัดกับแป้นเบรกหรือแป้นคันเร่ง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

ส่วนในพื้นที่ตอนหลังซึ่งเป็นส่วนของผู้โดยสารนั้น หากนำเอาพรมหรือผ้ายางที่ไม่ได้ขนาดมาปูที่พื้น อาจจะมีบางส่วนยื่นเข้าไปบริเวณใต้เบาะนั่งด้านหน้า ซึ่งใต้เบาะนั่งด้านหน้าโดยเฉพาะฝั่งคนขับ จะมีสวิตช์หรืออุปกรณ์ที่ใช้บังคับเข็มขัดนิรภัย ให้มีแรงกระตุกกลับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หากมีการปูพรมหรือผ้ายางปูพื้นไปดัน หรือขวางการทำงานของตัวสร้างแรงกระตุกกลับดังกล่าว ก็จะทำให้เข็มขัดนิรภัยทำงานไม่ได้เต็มตามประสิทธิภาพ 

อีกทั้งบริเวณใต้เบาะนั่งด้านหน้าของรถยนต์หลายรุ่น จะมีช่องสำหรับลมเย็นหรือลมร้อนจากเครื่องปรับอากาศ ให้เป่ามาที่บริเวณห้องโดยสารตอนหลัง หากมีพรมหรือผ้ายางปูพื้นไปปิดทับ ก็จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ เมื่อเครื่องปรับอากาศทำงานขึ้นมา

เจ้าของรถหลายท่านที่ไปซื้อกล้องสำหรับบันทึกด้านหน้าของรถ หรือซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดมาติดตั้งเพิ่มเติม แล้วรู้สึกว่าแบตเตอรี่สำหรับสตาร์ตเครื่องยนต์ในรถของตนเอง มีอายุสั้นลงอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อนำรถไปให้ศูนย์บริการทำการตรวจสอบ จึงพบว่าอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้น ถูกติดตั้งโดยมีกระแสไฟไปเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ในขณะที่ดับเครื่องยนต์จอดอยู่กับที่แล้วก็ตาม ทำให้แบตเตอรี่ต้องจ่ายกระแสไฟตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อายุของแบตเตอรี่สั้นลง

ท้ายที่สุดคืออุปกรณ์สำหรับจับโทรศัพท์ ในแบบที่ยึดกับกระจกหน้าตลอดเวลา ก็จะทำให้ฟิล์มที่ติดกระจกหน้าเป็นรอยและเสียหายขึ้นมาได้ ส่วนชนิดที่เกาะกับครีบของช่องแอร์ ก็ทำให้ครีบช่องแอร์หลวมคลอนได้เช่นกันครับ