ฮอนด้า ประกาศยอดขายรถ 2 ใน 3 ต้องมีพลังงานไฟฟ้า
เดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ 2030 พร้อมเปิดตัว "อีวี" รุ่นแรก เตรียมขายปีหน้า
ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศวิสัยทัศน์ 2030 ไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อบ่งบอกถึงทิศทางในอนาคตว่าจะเดินไปในทิศทางใด และล่าสุดในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นรอบสื่อมวลชนวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ทาคาฮาริ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บอกว่า เวทีนี้เป็นหนึ่งในการอธิบายถึงวิสัยทัศน์ 2030
ฮาจิโกะกล่าวว่า ตลอดเวลาของการดำเนินธุรกิจ ฮอนด้าพยายามที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด ทุกวันนี้ ฮอนด้ามีทั้งเครื่องยนต์เอนกประสงค์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ไปจนถึงเครื่องบินเจ็ท และแน่นอนในเวทีโตเกียว มอเตอร์โชว์ ปีนี้ ฮอนด้าก็นำเสนอสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติม
“งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ เป็นงานที่เรารู้สึกพิเศษและให้ความสำคัญเสมอ เพราะจัดขึ้นในประเทศที่เป็นบ้านของฮอนด้าเอง ถือเป็นโอกาสสำคัญของประเทศญี่ปุ่นในการสื่อสารเกี่ยวจุดแข็งและคุณค่าใหม่ที่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้นจะทำได้ไปยังผู้คนทั่วโลก”
ฮาจิโกะ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่ฮอนด้าผลิตตามวิสัยทัศน์ 2030 ที่นำเสนอในปีนี้ เริ่มต้นที่ e:Technology ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยหลักให้ฮอนด้าบรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว
ฮอนด้าไม่ได้เพิ่งเริ่มคิดค้นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ว่าดำเนินการมาแล้วมากกว่า 20 ปี และก็ยังมีสินค้าในกลุ่มนี้ เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า รวมถึงเทคโนโลยีช่วยเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น พาวเวอร์ เอ็กซ์พอร์เตอร์ 9000 ที่ทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่อไฟฟ้าได้โดยใช้พลังงานจากยานยนต์ และฮอนด้า โมบาย พาวเวอร์แพค ซึ่งเป็นแบตเตอรีพกพา และสับเปลี่ยนได้ ช่วยให้ผู้คนสามารถพกพาพลังงานไฟฟ้าติดตัวไปได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ฮอนด้านำเสนอ ฮอนด้า อี รถพลังงานไฟฟ้า ที่นำไปจัดแสดงในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์ โชว์ เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และเตรียมที่จะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นปีหน้า
ฮอนด้า อี ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ออกแบบให้เป็นรถที่ควบคุมง่าย ภายในติดตตั้งจอภาพคู่ระบบสัมผัสขนาดใหญ่ ระบบกล้องมองข้างที่นำมาใช้งานแทนกระจกข้างทั่วไป เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่สามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนกับการดำเนินชีวิตของทุกคน พร้อมระบบ Honda Personal Assistant ที่มีฟังก์ชันสั่งการด้วยเสียงที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ฮาจิโกะกล่าวว่า นอกจากนี้พลังงานไฟฟ้า ยังพัฒนาในส่วนของรถยนต์ไฮบริด ซึ่งล่าสุดคือ การพัฒนาไฮบริดที่มีมอเตอร์ 2 ตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพ และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ จะช่วยให้ฮอนด้าสามารถขยายระบบไฮบริดไปยังรถขนาดเล็กได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การเข้าถึง ไฮบริด ของผู้บริโภคทำได้ง่ายขึ้น และในเวทีโตเกียวปีนี้ ฮอนด้าก็นำเสนอระบบไฮบริดในรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ คือ ฟิต เจเนอเรชั่น 4
“ภายใต้ e: Technology เรามีชื่อ e:HEV ซึ่งเป็นชื่อสำหรับยนตรกรรมไฮบริดยุคใหม่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ทั้นี้เราจะสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความน่าสนใจให้ e:HEV ซึ่งจะเข้าสู่ตลาดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะเป็นตัวหลักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถยนต์ทื่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็น 2 ใน 3 ในตลาดโลกภายในปี 2030”
ในส่วนของฮอนด้า ฟิต (ในไทยใช้ชื่อ แจ๊ส) เริ่มต้นผลิตและจำหน่ายในญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2554 ก่อนจะพัฒนาให้เป็นโกลบอล โมเดล เพื่อทำตลาดทั่วโลก รวมถึงไทย ที่ใช้ชื่อว่า ฮอนด้า แจ๊ส
อย่างไรก็ตาม ฮาจิโกะกล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นตลาดที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าคอมแพคท์ได้ยาก เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในโลก ดังนั้นจึงต้องพยายามเต็มที่ สร้างรถให้สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งจะทำให้สามารถขยายต่อไปยังตลาดอื่นได้ง่าย สานต่อการเป็น โกลบอล โมเดล ต่อไป
ฟิตมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และไฮบริด นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ ฮอนด้า เซ็นซิ่ง (SENSING) และ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (driver-assistive system) เป็นการเริ่มต้นให้บริการใหม่ๆ ที่ต่อยอดมาจากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ ซึ่งฮอนด้าวางแผนจะให้ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อในรถทุกรุ่นที่ขายในญี่ปุ่นภายในปี 2568
นอกจากฟิต ที่โตเกียว ฮอนด้ายังจัดแสดง แอคคอร์ด ซึ่งมีรถที่เป็นไฮบริดเช่นกัน และเตรียมเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นปีหน้า ทั้งนี้แอคคอร์ดเปิดตัวแห่งแรกในสหรัฐ และเปิดตัวในไทยไปแล้วก่อนหน้านี้
ฮอนด้ายังนำเสนอ ฟรีด รุ่นปรับโฉม ซึ่งมีกำหนดการวางจำหน่ายในเดือนนี้ ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ (Honda NSX) รถซูเปอร์สปอร์ตรุ่นเรือธงของฮอนด้า และ ฮอนด้า เอ็น-บ็อกซ์ ซีรีส์ (Honda N-Box Series) รถมินิคาร์ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นต่อเนื่อง 4 ปี
ในส่วนของจักรยานยนต์ เปิดตัว ซีที 125 (CT125) เป็นครั้งแรกในโลก เป็นรถจักรยานต้นแบบที่พัฒนาต่อยอดจากซีรีส์รถจักรยานยนต์ในตำนาน ซูเปอร์ คับ (Super Cub) ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วโลก
รวมถึงการเผยโฉมเป็นครั้งแรกในโลกของ ฮอนด้า เบ็นลี่ อี (Benlye:) รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ และฮอนด้า จีโร่ อี (Gyro e:) รถสกู๊ตเตอร์สามล้อไฟฟ้า ส่วนรถเด่นอื่นๆ ที่นำมาร่วมจัดแสดงเช่น CRF1100L Africa Twin Dual Clutch Transmission, CRF1100L Africa Twin Adventure Sports ES Dual Clutch Transmission และ เอดีวี 150 (ADV150)
ส่วนจัดแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์อเนกประสงค์ การแสดงเทคโนโลยีการจัดการพลังงาน ฮอนด้าเปิดตัว LiB–AID E500 for Music ต้นแบบแบตเตอรี่แปลงพลังงานไฟฟ้าขนาดพกพา เป็นครั้งแรกในโลก มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้กับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี ของการจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ CB Series และการเข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตของฮอนด้าอีกด้วย
“ฮอนด้าพร้อมที่จะเอาชนะความท้าทายใหม่ๆ เราหวังว่างานโตเกียว มอเตอร์โชว์ จะเป็นโอกาสที่ที่ดีที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ทีหลากหลายที่ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ 2030 ของเรา” ฮาจิโกะ กล่าว