ไม่ใช่รถ... มันคือ 'โรลส์-รอยซ์'
ลองขับ คัลลิแนน ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี อยากลุย
ความต้องการของคนนั้นไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้งหลายคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร จนกระทั่งมีผู้เสนอให้ จึงเริ่มรู้สึกว่านั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการหรืออาจจะต้องการ
บรรดาผู้ที่ทำธุรกิจ สินค้าต่างๆ บริการต่างๆ ก็จับเอาธรรมชาติของมนุษย์นี่แหละมาวางแผนกลยุทธ์การตลาด
ตัวอย่างง่ายๆ เช่นสินค้าใกล้ตัวอย่างรองเท้า ในอดีตมีคู่เดียวก็ใช้กันได้หลายกิจกรรม เดี๋ยวนี้จะต้องแบ่งแยกย่อย เอาไว้ใส่กับชุดแบบนั้นแบบนี้ เอาไว้เดิน เอาไว้วิ่ง และก็ยังแยกย่อยออกไปอีกว่าจะวิ่งแบบไหน วิ่งนานๆ ครั้ง วิ่งบ่อยๆ วิ่งสั้นๆ วิ่งทางไกล
โลกรถยนต์ก็เหมือนกัน ทุกวันนี้มีรถมากมายหลายยี่ห้อ หลายรูปแบบในตลาด บางรุ่นนั้น หลายคนสงสัยว่าขายได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคำถามเรื่องของรูปลักษณ์ รูปแบบ หรือราคาที่แพงลิ่ว คำตอบก็อาจจะเป็นดังด้านบน ก็คือ มันตอบสนองความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
และรถบางรุ่นบางยี่ห้อ ก็ทำให้ตัวเองให้เป็นมากกว่ารถ ซึ่งก็ต้องชื่นชมในด้านการตลาด ธุรกิจ อย่างเช่นโรลส์-รอยซ์ ที่ลูกค้าอาจไม่ได้มองว่าเป็นรถ แต่ว่าเป็น “โรลส์-รอยซ์”
โรลส์-รอยซ์ ครองตลาดซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี มายาวนาน และวันหนึ่งก็มีความท้าทายครั้งใหญ่ นั่นคือการโดดเข้าไปเล่นในตลาดเอสยูวีเป็นครั้งแรกเมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านมาในรุ่น “คัลลิแนน”
ในเชิงธุรกิจ ความนิยมของรถเอสยูวีขยายตัวไปทั่วโลก และในทุกระดับตลาด แต่ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ภาพของเอสยูวีไปทางสายลุยมากกว่าสายหรู ช่วงแรกๆ จึงอาจดูขัดแย้งอยู่บ้างกับการที่รถซูเปอร์ ลักซ์ชัวรีจะลงมาเล่นในตลาดนี้ แต่ก็อาจะต้องให้เครดิตกับรถยนต์หลายๆ ยี่ห้อก่อนหน้านี้ที่ยกระดับตลาดนี้ขึ้นมา รวมถึงการมีรถพรีเมียมโดดลงมาเล่นในตลาดนี้เช่นกัน
และเมื่อโรลส์-รอยซ์ เข้าสู่ตลาดนี้ ก็ยืนยันว่าเป็นการต่อยอดแบบไร้รอยต่อ ลูกค้ายังได้ความเป็นโรลส์-รอยซ์ แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายขึ้น
ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซิน วี 12 ขนาด 6.75 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 571 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 1,600 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ โรลส์-รอยซ์ บอกว่ามันไปได้ทุกที่ที่อยากไป ทั้งทางออฟโรด หรือทะเลทราย
แต่ผมมีเวลากับคัลลิแนนไม่มากนัก อีกทั้งการใช้งานจริงคงมีน้อยคนที่จะเอาไปลุยออฟโรดจริง โดยเฉพาะในบ้านเรา เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็ไปขับกันแค่พื้นที่กรุงเทพฯ ก็พอ
(แต่ภาพส่วนใหญ่จะไม่ตรงสถานที่ เพราะไม่สะดวกถ่ายในกรุงเทพ)
สำหรับการขับขี่ในกรุงเทพฯ รถมีขนาดใหญ่เอาเรื่องทีเดียว กับความยาว 5,341 มม. กว้าง 2,164 มม. และสูง 1,835 มม. แถมยังแบกค่าตัวประมาณ 41 ล้านบาท เอาไว้ เพราะคันนี้เพิ่มเติมออปชั่นพิเศษเข้ามาอีกหลายล้านบาท อาจดูเหมือนจะขับได้ยาก
แต่เมื่อได้ขับจริง ราคาก็ไม่ได้กดดันอะไร ขนาดรถก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเครียด ใช้งานได้ปกติเหมือนรถทั่วไป ซึ่งสมรรถนะของเครื่องยนต์นั่นแหละเป็นตัวเพิ่มความคล่องตัว แรงบิดมหาศาล ช่วยให้รถกระฉับกระเฉง พุ่งไปข้างหน้าเมื่อได้ไฟเขียวอย่างรวดเร็ว และอัตราเร่งที่ปราดเปรียว แม้แต่ตอนไต่ขึ้นสะพานชันๆ ก็พุ่งไปข้างหน้าไม่ต่างจากทางราบ และเผลอครู่เดียวตัวเลขความเร็วพุ่งชึ้นไปจนถึงระดับความเร็วที่ควรจะต้องรีบผ่อนเท้าจากคันเร่ง
ทัศนวิสัยที่ชัดเจน จากความสูงของรถ และมุมมองที่กว้างทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และหลัง ก็ช่วยให้การควบคุมรถง่ายขึ้น
ช่วงล่างก็คงจะถูกใจลูกค้าแน่นอน เพราะให้ทั้งความนุ่ม นั่งสบาย แต่ก็สามารถจัดการกับทางโค้งได้ดี แม่นยำ และมีอาการโยนตัวน้อย
รายละเอียดปลีกย่อยของคัลลิแนนที่โรลส์-รอยซ์ นำเสนอกับลูกค้า เริ่มต้นตั้งแต่ชื่อรุ่นที่มาจากชื่อ “เพชร” ที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก ซึ่งนำไปประดับอยู่บนมงกุฏของพระราชินีอังกฤษ
จากนั้นเมื่อจะเข้ารถแค่ใช้มือแตะมือจับประตู บานประตูก็จะเปิดกว้างเพื่อให้เข้าได้ง่าย พร้อมกับตัวถังรถจะลดระดับลง 40 มม.ด้วยการทำงานของช่วงล่างแบบถุงลม เพื่อให้ขึ้นรถง่ายขึ้น และเมื่อนั่งเรียบร้อย ก็ไม่ต้องเสียแรงดึงบานประตูบานใหญ่แต่อย่างใด แต่ใช้วิธีแตะเช่นกัน ประตูจะปิดให้อัตโนมัติ
ที่บานประตูหลังยังมีลูกเล่นคือ ซ่อนร่มเอาไว้ทั้ง 2 ด้าน กรณีที่มีคนขับรถเมื่อลงมาเปิดประตูให้นาย ก็ทำได้พร้อมกับดึงร่มออกมาเตรียมพร้อมได้เลย
เข้ามาในห้องโดยสารก็จะพบกับความกว้าง และหรูหรา ทั้งหนังหรือว่าลายไม้ ซึ่งไม้แต่ละคันก็จะต่างกันไป และมีจุดที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกภาคภูมิในการเป็นเจ้าของ คือท่อนไม้ชิ้นที่นำมาแปรรูปตกแต่งภายในรถ ซึ่งยังใช้ไม่มีหมด จะถูกเก็บไว้สำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ หากวันหนึ่งวันใดมีเหตุต้องเปลี่ยน ก็จะได้ไม้ลายเดิม
การควบคุมระบบต่างๆ ทำได้ผ่านทัชสกรีนกลางแดชบอร์ด หรือผ่านแป้นควบคุม Spirit of Ecstasy ที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง และการควบคุมระบบขับขี่ออฟโรด ก็สามารถเลือกปรับระดับสูงต่ำของตัวถังได้ ทั้งนี้การลุยน้ำ โรลส์-รอยซ์ ระบุว่าลุยได้ลึก 54 ซม. ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มเดียวกัน
เบาะหลังซึ่งเลือกได้ว่าจะเอาแบบนั่ง 3 คนหรือ 2 คน พับได้หลายแบบด้วยไฟฟ้า และหากนั่งคนเดียว ก็ใช้พนักพิงของอีกเบาะเป็นโต๊ะทำงานได้เลย
ยังมีลูกเล่นอีกมากมายครับ รวมถึงหากยังไม่พอใจ ก็สามารถสั่งออปชั่นเพิ่มเติมได้ เช่น ใครอยากได้เก้าอี้ด้านท้ายสัก 2 ตัว เอาไว้เปิดฝาท้ายแล้วนั่งชมวิวจิบน้ำชา แต่ก็ต้องจ่ายหนักสักหน่อยด้วยตัวเลข 7 หลัก
แต่ก็อย่างที่บอกครับ ว่ามันมากกว่าการเป็นแค่รถยนต์
*****