'อี-เพาเวอร์' เป็นอย่างไร คำตอบจาก นิสสัน 'เซเรน่า'
นิสสันเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และเป็นตลาดใหม่ นั่นคือ “คิกส์” ที่จะมาชิงพื้นที่ตลาดรถในกลุ่ม “บี-เอสยูวี” วันที่ 15 พ.ค.นี้ แต่ก่อนที่คิกส์จะมา เราไปดูกันว่า เทคโนโลยีนี้เป็นอย่างไร และเมื่ออยู่ในรถคันใหญ่ๆ อย่าง "เซเรน่า" จะเป็นอย่างไรบ้าง
หลักการของเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ก็คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถยนต์ และติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็ก สำหรับสร้างกระแสไฟเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ โดยไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนรถยนต์โดยตรงแม้แต่น้อย ซึ่งนิสสันมองว่า แนวทางดังกล่าวทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ดังนั้นเครื่องยนต์จึงไม่ต้องใหญ่โตอะไร
ตามข้อมูล อี-เพาเวอร์ ของคิกส์ จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร
สมรรถนะ การขับขี่ หรืออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะเป็นอย่างไร คงต้องรอกันอีกสักพักครับ แต่ว่าวันนี้ผมเลยนำเรื่องราวของรถที่ใช้ อี-เพาเวอร์ เหมือนกันมาเล่าสู่กันฟัง เป็นแนวทาง ว่าขับแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
“เซเรน่า” นำเข้ามาทำตลาดโดยผู้นำเข้ารายย่อย คือ “อีตั้น อิมปอร์ต” ในราคา 2.29 ล้านบาท
เซเรน่า เป็นรถคันใหญ่ แต่ก็ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1,200 ซีซี เป็นตัวปั่นไฟเช่นเดียวกับคิกส์ แต่ให้กำลังสูงสุดต่างกันเล็กน้อย คือ 84 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 3,200-5,200 รอบ/นาที
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าตัวขับเคลื่อน ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร โดยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน JC08 อยู่ที่ 26 กม./ชม.
ส่วนการใช้งานจริง คงทำไม่ได้ถึงระดับนั้น ซึ่งก็เหมือนกับรถทั่วๆ ไป เพราะการทดสอบกับการใช้งานจริง มีเงื่อนไขที่ต่างกัน ทั้งสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร อากาศ น้ำหนักเท้าผู้ขับ หรือว่าการบรรทุก
อย่างเช่นการลองใช้งานของผม เดินทาง 6 คน เรียกอัตราเร่งอยู่บ่อยครั้ง และอยู่ในสถานการณ์รถติดพอสมควร ทำให้ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเกือบๆ 13 กม./ลิตร แต่ถ้าประเมินจากประสบการณ์การขับขี่ทั้งหมด ผมว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ
เซเรน่า เป็นรถขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง จริงๆ แล้วจุดเด่น คือการใช้งาน การเดินทาง แต่ว่าก็อดไม่ได้ที่จะต้องกดคันเร่งกันบ่อยๆ เพื่อดูการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้าว่าเป็นอย่างไร และนั่นก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น
การตอบสนองการขับขี่น่าพอใจครับ สำหรับรถคันใหญ่พร้อมบรรทุกคน 6 คน ตอบสนองได้ดีเลย ออกตัวได้รวดเร็ว ไม่ได้ถึงขึ้นจี๊ดจ๊าด แต่ไม่อืดอาด เช่นเดียวกับการเร่งแซงที่กระฉับกระเฉง แม้จะไม่ได้ร้อนแรงเช่นกัน แต่ก็สร้างความมั่นใจในการขับขี่ได้
ช่วงล่างนุ่มนวล เหมาะกับการใช้งานของครอบครัวหรือหมู่คณะ นั่งสบายๆ นุ่มๆ บวกกับเบาะนั่งที่ออกแบบมาได้ดี โดยเฉพาะเบาะแถวหน้า กับแถวกลางที่ผู้ลองนั่งยืนยันว่านั่งได้สบายจริง นั่งแล้วติดใจ ทั้งเรื่องของความกว้าง การเข้ารูปกับลำตัว กระชับ ไม่ลื่นไหล แถมด้วยพื้นที่โล่งรอบตัว ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ทั้งซ้ายและขวา เพราะเป็นเบาะแบบแยก รวมถึงด้านบนจากหลังคาที่สูงโปร่ง
ส่วนเบาะแถวที่ 3 ออกแบบให้นั่งได้ 3 คน มีขนาดที่เล็กกว่า แต่ถ้านั่ง 2 คน ถือว่านั่งได้สบาย หมอนรองศีรษะที่ปรับขึ้นลงได้มาก ก็ช่วยให้รองรับสรีระที่แตกต่างกันได้ ทั้งผู้ใหญ่หรือว่าเด็ก แต่หากนั่ง 3 คน ก็อาจจะเบียดกันเล็กน้อย แต่ข้อดีก็คือ พื้นที่วางเท้าที่มีอยู่มาก และพื้นที่เหนือศีรษะ ที่โล่ง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่อึดอัด
แต่ถ้าหากว่าไปกันไม่กี่คน และต้องการเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ เบาะแถวที่ 3 สามารถพับได้ง่ายๆ และแขวนไว้ที่ด้านข้างทั้ง 2 ข้าง
การเข้าออกรถทำได้ง่าย ประตูหลังเป็นแบบบานเลื่อน ควบคุมด้วยไฟฟ้าทั้งผู้ขับขี่ ผู้นั่งตอน 2 หรือแม้แต่ผู้นั่งแถวที่ 3 ก็มีปุ่มให้กดเปิด-ปิด ได้ เรียกว่าสะดวกในการใช้งานทีเดียว ส่วนผู้ที่จะเข้าไปนั่งแถว 3 ก็สะดวกเช่นกัน จะขึ้นมาตรงเบาะกลางก่อน แล้วเดินผ่านระหว่างเบาะ 2 เบาะเข้าไปก็ได้ หรือถ้าอยากจะพับเบาะแถวที่ 2 และเลื่อนไปข้างหน้า เพื่อเพิ่มพื้นที่เข้า-ออก ก็ได้เช่นกัน
ส่วนตำแหน่งผู้ขับขี่ ก็นั่งได้สบาย การควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ สะดวก และการมีทัศนวิสัยที่ดี ก็ช่วยให้รถคันใหญ่ควบคุมง่าย ใช้งานสะดวก และกล้องด้านหลังที่ส่งภาพผ่านจอมอนิเตอร์ ก็ช่วยให้การถอยรถ เข้าออก ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน
เซเรน่าถือว่าเป็นรถที่ออกแบบได้ดูดี เป็นเอ็มพีวีที่ดูปราดเปรียว สปอร์ต แบบว่าสามารถขับไปไหนมาไหนคนเดียวก็ได้ รูปทรงด้านหน้าดูทันสมัย และเติมเส้นสายการขลิบสีฟ้า เพื่อให้รู้ว่าเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า มาพร้อมไฟตัดหมอกแอลอีดี ตกแต่งกรอบไปด้วยโครเมี่ยม ไฟท้ายแอลอีดี ให้แสงชัดเจน ติดตั้งยางขนาด 195/60 R 16 อาจจะดูเล็กๆ ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับตัวรถ เข้าใจว่าเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง
ภายในห้องโดยสาร จุดเด่นนอกจากเรื่องของความกว้างขวางแล้ว ยังออกแบบให้รองรับการใช้งานของคนหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็นจุดวางแก้ว วางขวดที่มีอยู่หลายตำแหน่ง ด้านหลังของเบาะนั่งคู่หน้า เปิดออกมาเป็นแป้นวางของ วางแก้ว หรือขวดได้
ด้านหน้าออกแบบให้มีพื้นที่โล่ง เข้ากับอารมณ์รถทั้งคัน เกียร์ถูกยกขึ้นไปไว้ที่คอนโซลหน้า ทำให้พื้นที่ระหว่างเบาะโล่ง มีที่พักแขนแบบพับเก็บได้ การออกแบบคอนโซลหน้าเน้นเรียบง่าย แต่มอนิเตอร์ และมาตรวัดต่างๆ ให้ข้อมูลชุดเจน พวงมาลัย 3 ก้าน รูปทาง ดี-เชพ
ส่วนระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบปรับระดับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Adjust) และ ระบบป้องกันการเหยียบแป้นผิดพลาด (Emergency Assist for Missed Pedal Application) และระบบ Pro PILOT ที่ช่วยระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ
มีเกียร์ B มาให้เลือกใช้สำหรับการชาร์จกลับที่เร็วขึ้น และหน่วงมากขึ้น เมื่อถอนเท้าจากคันเร่ง ช่วยให้การขับขี่ลงเนินปลอดภัยยิ่งขึ้น
ส่วนการขับขี่ที่เกียร์ D มีโหมดขับขี่ให้เลือกคือ นอร์มอล, อีโค, และสปอร์ต ซึ่งหากเป็น นอร์มอล ก็เหมือนการขับขี่ของรถทั่วไป แต่ถ้าเลือก อีโค และสปอร์ต การหน่วงของรถจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อถอนเท้าออกจากคันเร่ง และหากคำนวณดีๆ สามารถใช้งานได้เหมือนกับ อี-แพดเดิล โดยรถจะค่อยๆ ช้าลงจนกระทั่งหยุดสนิทได้ โดยไม่ต้องใช้เบรกแต่อย่างใด
โดยรวมแล้ว เซเรน่า เป็นรถที่ขับดี ขับง่าย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ดูเหมือนจะเป็นรถที่ถูกใจผู้โดยสาร จากความสบายในการนั่ง และความสะดวกในการใช้งานที่โดดเด่น ซึ่งก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรถสำหรับครอบครัว รถใช้ในองค์กร หรือแม้แต่เป็นรถผู้บริหาร ก็ไม่เลวครับ
*****