เช็คยาง สู้ฝน
วิธีง่ายๆ ตรวจสภาพความพร้อมยางรถ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ช่วงนี้ฝนฟ้ามาเยี่ยมเยียน อยู่บ่อยครั้ง การใช้รถใช้ถนน ก็ต้องเพิ่มระมัดระวังในการขับขี่ให้มากขึ้น และอย่าลืมตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับการใช้งาน หนึ่งในนั้นคือ “ยาง”
ยางเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งรับน้ำหนัก ขับเคลื่อน เบรก ยึดเกาะถนน รวมถึงการรีดน้ำออกจากหน้ายาง
ในฤดูฝน หรือแม้แต่นอกฤดูฝน การมีน้ำขังอยู่บนผิวถนนเป็นเรื่องอันตราย หากยางไม่สามารถรีดน้ำออกได้ทัน ก็ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า เหินน้ำ พูดง่ายๆ คือ น้ำจะมาคั่นกลางระหว่างยางกับถนน เมื่อหน้ายางไม่สัมผัสผิวถนน ก็หมายความว่าไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ รถจะพุ่งไปตามแรงเฉื่อย ไม่ว่าจะพยายามหมุนพวงมาลัยอย่างไรก็ตาม
ประสิทธิภาพของยางในการขับขี่บนสภาพพื้นผิวที่เปียก มาจาก 2 ส่วนหลักคือ ดอกยางกับร่องยาง
ดอกยางต้องมีความสูงที่มากพอ เพราะว่าในดอกยางก็ยังมีร่องเล็กบนดอกยาง หรือจะเรียกว่าลายดอกยางก็ได้ ซึ่งมีผลต่อการรีดน้ำเช่นกัน ถ้าดอกยางสึกจนร่องเล็กๆ หายไป ก็ทำให้ประสิทธิภาพการรีดน้ำลดลง
นอกจากนี้เนื้อดอกยางต้องยังมีสภาพที่ดีพอ ไม่แข็งเกินไป หรือที่เรียกว่ายางตาย เพราะจะทำให้ลื่นไม่ยึดเกาะถนน แม้แต่ทางที่แห้งก็ตาม
วิธีง่ายๆ ที่จะทดสอบ ก็ใช้เล็บจิกลงไปที่หน้ายางถ้ารู้สึกแข็งมาก จิกไม่เข้า นั่นก็บ่งบอกว่ายางหมดอายุแลว
ขณะที่ร่องยางซึ่งเป็นร่องใหญ่ตามยาวรอบวงยาง ก็จะต้องมีความลึกเพียงพอ หากสงสัยว่าต้องลึกแค่ไหน ต้องหาไม้บรรทัดมาวัดหรือไม่ คำตอบคือ ไม่จำเป็น
เพราะว่ายางทุกเส้น จะมีสะพานยางให้ผู้ใช้สังเกตว่าร่องยางยังพร้อมใช้งานหรือไม่ ยางใหม่ๆ สะพานยางจะจมลงไปในร่องยาง แต่เมื่อใช้ไปๆ ยางก็จะสึกลงไปเรื่อยๆ และหากสึกไปจนกระทั่งร่องยางมีความเสมอกับสะพานยาง ก็หมายว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่แล้ว
สะพานยางอยู่ตรงไหน จริงๆ แล้วก็ใช้สายตามองหาตามร่องยางไปเรื่อยๆ ก็ไม่ยาก แต่ทางผู้ผลิตทำจุดสังเกตให้เห็นได้ง่ายขึ้นด้วยการ ทำสัญลักษณ์เอาไว้ ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปสามเหลี่ยม บริเวณแก้มยาง หากมองไปทางปลายสามเหลี่ยมที่ชี้ไปทางห้ายาง ก็จะเจอสะพานยาง
หมั่นตรวจสอบบ่อยๆ เพี่อความปลอดภัยในการใช้งานหน้าฝน หรือสภาพถนนที่เปียกครับ