Lexus ลุย ‘อีวี’ ปี 68 เปิดตัว ‘LF-Z’
เลกซัส (Lexus) ประกาศแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ มุ่งสู่พลังงานไฟฟ้าชัดเจน ระบุภายในปี 2568 มี รุ่นใหม่ – ปรับโฉม 20 รุ่น ครึ่งหนึ่งใช้พลังงานไฟฟ้า
สำหรบพลังงานไฟฟ้า ที่เลกซัส (Lexus) รถยนต์พรีเมียม ในเครือ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นระบุไว้ในแผนการนั้นจะมีทั้ง
- รถพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV
- รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือ PHEV
- รถไฮบริด หรือ HEV
และช่วงหัวค่ำวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา เลกซัส ออกมาประกาศแผนธุรกิจที่ โตโยต้าซิตี้ ประเทศญี่ปุ่น ในงานเปิดตัว “เลกซัสคอนเซปต์”
หนึ่งในแผนการ คือ การก้าวสู่พลังงานทางเลือกใหม่ๆมากขึ้น โดยเลกซัส ระบุว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปในรอบศตวรรษ
ซึ่งนอกเหนือจากภารกิจเพื่อสังคมในการหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) แล้ว ไลฟ์สไตล์ รวมถึงค่านิยมของลูกค้าก็เปลี่ยนแปลงและเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ทั้งหมดนี้ เลกซัส ได้เตรียมความพร้อมด้วยการสร้างนวัตกรรม ที่พร้อมจะตอบสนองคามต้องการของลูกค้าอย่างรอบคอบและรวดเร็ว
และสำหรับพลังงานไฟฟ้านั้น เลกซัส เริ่มต้นกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่น ‘RX 400h’ ซึ่งเป็นรถพรีเมียมที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (ไฮบริด) คันแรกของโลกในปี 2548
และตั้งแต่วันนั้นถึงปัจจุบัน เลกซัสจำหน่ายรถไฮบริดไปแล้วมากกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก โดยปัจจุบันเลกซัส มีรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEVs) และรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEVs) ทั้งหมด 9 รุ่น ที่ทำตลาดใน 90 ประเทศ ทั่วโลก
และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เลกซัส ประกาศวิสัยทัศน์ “Lexus Electrified” ด้วยเป้าหมายกำหนดบรรทัดฐานใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้งานจริง
2 ปี หลังประกาศวิสัยทัศน์ 30 มีนาคม 2564 เลกซัสเปิดตัวรถต้นแบบ หรือ คอนเซ็ปต์ คาร์ “LF-Z Electrified” เป็นครั้งแรกของโลก และตั้งเป้าว่ารถรุ่นนี้จะเข้าสู่ตลาดได้จริงภายในปี 2568 นี้
เลกซัสระบุว่า รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับความสมดุลในการขับขี่ ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดวางแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุด
และยังโดดเด่นกับระบบขับเคลื่อนคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่ที่เรียกว่า “DIRECT4” ซึ่งจะทำให้ LF-Z Electrified มีความแตกต่างจากรถยนต์ในรูปแบบเดิม ๆ โดยจะตอบสนองการขับเคลื่อนที่รวเร็วขึ้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ควบคุมล้อทั้ง 4 อย่างอิสระ
และ LF-Z Electrified จะเป็นหนึ่งในแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงโฉม 20 รุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10 รุ่นภายในปี 2568 นั่นเอง
รูปลักษณ์ภายนอกเน้นให้เร้าอารมณ์ มีอารมณ์สปอร์ต ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีรูปแบบเปิดโล่งสไตล์ “มินิมอลลิสต์” โดยแนวทางการออกแบบนั้นให้ขับขี่ที่เป็นศูนย์กลางตามแบบฉบับของเลกซัส
ภายในทั้งหมดออกแบบให้สะอาดตาและอัดแน่นด้วยคุณภาพ ด้วยรูปทรงแบบไร้รอยต่อที่เชื่อมชายกระจกบังลมเข้ากับประตูหน้าและยาวต่อไปจนถึงประตูหลัง นอกจากนี้หลังคา “พาโนรามิก” ยังใช้แผ่นกระจกยาวที่สร้างความรู้สึกโปร่งโล่ง เน้นย้ำบรรยากาศของความ “มินิมอล”
หน้าจอแสดงผลเสมือนจริง มาตรวัด หน้าจอสัมผัส และฟังก์ชันให้ข้อมูลอื่น ๆ จัดกลุ่มรวมกันเป็นโมดูลเดียว ฟังก์ชันระบบการขับขี่ต่าง ๆ จะรวมกันอยู่รอบพวงมาลัย แสดงถึงทิศทางการออกแบบภายในเจเนอเรชั่นหน้าของเลกซัสที่จะขยายการมองเห็นออกไปด้านหน้ารถ
และยังนำระบบ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาใช้เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ผ่านการสนทนาโต้ตอบรวมถึงการเรียนรู้พฤติกรรมและความชอบของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบพื้นฐานอย่างการแนะนำเส้นทาง ไปจนถึงการจองโต๊ะร้านอาหารและอื่นๆ อีกหลายอย่าง
AI จะเรียนรู้ลักษณะความต้องการและพฤติกรรมของผู้ขับขี่จะคอยให้การสนับสนุนผู้ขับขี่อยู่ตลอดเวลา การสื่อสารด้วยเสียงพูดจะช่วยให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในขณะขับขี่ ระบบจดจำเสียงพูดมีการใช้ AI ใหม่ล่าสุดเพื่อจดจำ เรียนรู้ และปรับให้เข้ากับนิสัยและความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อช่วยทำงานต่าง ๆ อย่างเช่นการระบุเส้นทางในการขับขี่และการจองโต๊ะในร้านอาหาร การโต้ตอบในลักษณะนี้ระหว่าง AI กับผู้ขับขี่จะนำไปสู่การสนทนาที่มีประโยชน์อย่างมาก และทำให้ประสบการณ์การเป็นเจ้าของและการขับขี่โดยรวมดียิ่งขึ้น เพิ่มสีสันให้กับชีวิตของผู้ใช้เสมือนมีผู้ดูแลไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
สำหรับแหล่งพลังงานอย่างแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน จะวางไว้ใต้พื้นรถในแนวยาว ซึ่งจะทำให้แชสซีส์มีความแข็งแรงมากขึ้น และจุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลงช่วยให้รถมีความคล่องตัว และยังไม่รบกวนพื้นที่ห้องโดยสาร
ส่วนระบบบังคับเลี้ยว จะเป็นแบบไฟฟ้า โดยตัดการเชื่อมต่อด้วยกลไกผ่านแกนพวงมาลัยออกไป ส่งผลให้เกิดการโต้ตอบโดยตรงระหว่างส่วนควบคุมพวงมาลัยและแรงขับเคลื่อน การใช้ระบบนี้ทำให้รถยนต์มีมุมบังคับเลี้ยวที่แคบลง และมีความแม่นยำมากขึ้นในการตอบสนองการขับขี่ท่ามกลางสภาวะต่างๆ
หลังคากระจกพาโนรามิกช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งใช้กระจกแบบปรับระดับความเข้มอ่อนด้วยไฟฟ้า พร้อมติดตั้งระบบความบันเทิงอย่างเช่น การปรับลดแสงเพื่อความเป็นส่วนตัวและลดความร้อน หรือปรับให้สว่างขึ้นเพื่อให้มองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่บริเวณกลางกระจกมีแผงควบคุมแบบสัมผัสที่เชื่อมเบาะนั่งตอนหน้ากับตอนหลังเข้าด้วยกันและใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้โดยสาร เบาะหลังสามารถปรับเอนได้พร้อมด้วยฟังก์ชันเบาะนวด
ระบบเครื่องเสียงจาก “Mark Levinson” มีฟังก์ชั่นการจัดการเสียงด้วยระบบตัดเสียงรบกวน
สำหรับขนาดตัวถังของ LF-Z
- ความยาว 4,880 มม.
- ความกว้าง 1,960 มม.
- ความสูง 1,600 มม.
- ความยาวฐานล้อ 2,950 มม.
- น้ำหนักรถ 2,100 กก.
ส่วนสมรรถนะของรถและการใช้งาน
- ระยะการขับขี่ [WLTP] 600 กม.
- ความจุแบตเตอรี่ 90 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- พลังงานการชาร์จ 150 กิโลวัตต์
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
- กำลังสูงสุด 537 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร